Comedy

Igby Goes Down (2002) อิ๊กบี้ แสบ ใส ไม่ซื่อ

บอกเลยครับว่า ท่านใดก็ตามที่ชอบหนังสือ The Catcher in the Rye หนังเรื่องนี้จะต้องโดนใจท่านแหงมๆ

อิ๊กบี้ (Kieran Culkin) ตัวเอกของเรื่องมีความเป็นโฮลเดน คอลฟิลด์ แบบสุดๆ – ใครอ่านแล้วคงพอเข้าใจที่ผมพูด ทีนี้สำหรับท่านที่ไม่ได้อ่าน มาครับ ผมจะเกริ่นคร่าวๆ คือทั้งอิ๊กบี้และโฮลเดนเนี่ย ต่างก็เป็นเด็กหนุ่มหัวขบถที่ชีวิตไม่ได้ขาดแคลนทรัพย์สินเงินทอง แต่สิ่งที่พร่องไปคือบางส่วนในจิตใจของเขา เขารู้สึกสับสน เขารู้สึกสงสัย เขารู้สึกว่าชีวิตมันช่วงว่างเปล่าเสียนี่กระไรจนต้องออกเดินทางเพื่อตามหาอะไรบางอย่างที่หายไปจากชีวิต ตามหาอะไรบางอย่างมาเติมเต็มความว่างเปล่าที่อัดแน่นอยู่ในห้วงความรู้สึกของเขา

บางครั้งความว่างเปล่า ก็ทำให้เรารู้สึกว่าภายในใจมันอัดแน่น… อัดแน่นเหลือทน จนแทบระเบิดออกมา…

ผมดูหนังเรื่องนี้ด้วยความโดนใจอย่างยิ่งครับ ผมชอบที่การเล่าเรื่องมันเหมือนจับจิ๊กซอว์มาวางให้เราดูทีละชิ้นๆ น่ะครับ ตอนแรกอาจงงๆ ว่าจิ๊กซอว์ตัวนี้มันเป็นส่วนไหนของภาพกันแน่ แต่พอดูไปๆ เราจะเริ่มเห็นภาพ เราจะเริ่มเข้าใจ เราจะเริ่มสัมผัสได้ถึงตัวตนของอิ๊กบี้ ซึ่งในตอนจบนี่ผมบอกเลยครับว่าผมรู้จักนายคนนี้มากขึ้น และเห็นใจนายคนนี้มากๆ จนอยากกอดถ้าทำได้ แต่ขณะเดียวกันก็ตระหนักได้ว่าแม้จะมีโอกาสได้เจออิ๊กบี้จริงๆ ก็ตามม อิ๊กบี้ก็คงไม่สะดวกใจที่จะให้ผมกอดอยู่ดี – ดีไม่ดีการกอดอาจทำให้เขารู้สึกดาวน์หนักกว่าเดิมก็ได้ ดังนั้นไม่กอดแต่แค่ยิ้มให้แบบห่างๆ น่าจะดีกว่า – เนี่ยครับ ดูไปแล้วมันทำให้รู้สึกไปถึงขั้นนั้นเลย

ผมว่าผมเห็นแววออสการ์ของ Kieran Culkin มาตั้งแต่เรื่องนี้เลยนะ คือเขาเล่นได้ถึงมากๆ และสิ่งที่เขาเป็นเสมอมาคือเวลาแสดงอะไรพี่แกจะใส่หมดแม็ก พี่แกจะกระหน่ำอารมณ์ออกมาให้เราเห็น ชนิดที่ถ้าจะต้องออกท่าออกทางทุบข้าวของนี่พี่แกจะเล่นจริงทุบจริง เอาให้ถึงกันไปข้างหนึ่งเลย

และดาราที่มาร่วมแจมในเรื่องนี่ก็ระดับฝีมือฉกาจทั้งนั้นครับ ไม่ว่าจะ Susan Sarandon ในบท มีมี่ คุณแม่ของอิ๊กบี้, Jeff Goldblum ในบท ดี.เอช. พ่อเลี้ยงของอิ๊กบี้, Claire Danes ในบทซูกี้ สาวน้อยที่มาสนิทกับอิ๊กบี้ในตอนกลางเรื่อง, Amanda Peet มาเป็น ราเชล บ้านเล็กบ้านน้อยของดี.เอช. ที่อิ๊กบี้ได้ไปพัวพันตอนอยู่นิวยอร์ค, Jared Harris เป็นรัสเซล เพื่อนซี้ของราเชล, Ryan Phillippe เป็นโอลิเวอร์ พี่ชายที่ดูจะเหนือกว่าอิ๊กบี้ในทุกๆ ทาง, Bill Pullman เป็นพ่อของอิ๊กบี้ที่มีอาการทางจิตจนต้องเข้ารับการบำบัด และ Rory Culkin น้องแท้ๆ ของ Kieran มาแสดงเป็นอิ๊กบี้วัยเด็กครับ

ดาราแต่ละคนล้วนเล่นได้ถึง แต่ละคนสามารถสื่อคาแรคเตอร์ของตัวเองออกมาได้หลังปรากฏตัวเพียงไม่กี่นาที (บอกแล้วครับว่าฝีมือฉกาจจริงๆ) และแต่ละนาทีที่พวกเขาได้มีปฏิสัมพันธ์กับอิ๊กบี้ก็สามารถทำให้เรารู้จักอิ๊กบี้มากขึ้นๆ เห็นมุมคิด มุมมอง และทัศนคติของเขามากขึ้น – ในแง่นักแสดงแล้ว เรื่องนี้คัดมาได้เหมาะจริงๆ ครับ

หนังเขียนบทและกำกับโดย Burr Steers ซึ่งผมยกให้ผลงานชิ้นนี้เป็นเรื่องที่เด็ดที่สุดของเขา หนังอาจไม่ถึงขั้นสุดยอดไปเสียทั้งหมด แต่หนังมันทำถึงน่ะครับ ถึงในที่นี้คือ “ถึงสำหรับแนวทางของมัน” แล้วผมมันก็เป็นคนชอบแนวทางนี้ซะด้วย – แนวทางของหนังที่ว่าด้วยช่วงหนึ่งของชีวิตใครสักคน + แนวเรื่องว่าด้วยเด็กหัวขบถที่ค้นหาความหมายอะไรสักอย่าง (ที่ตนเองก็ยังไม่รู้) เพื่อบรรเทาความว่างเปล่าที่ผุดพูนถาโถมอยู่ในส่วนลึกของตน – เนี่ยครับ ถ้าว่ากันถึงแนวทางแบบนี้ หนังเรื่องนี้คือใช่เลย อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่มันใช่ครับ ใช่แบบสุดๆ เลยแหละ

อ่านถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านคงสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นกลางของผมน่ะนะครับ ก็ยอมรับแบบไม่อ้อมค้อมเลยว่าผมไม่เป็นกลางหรอก เพราะมันชอบครับ มันใช่ มันโดน มันเข้าทาง แล้วหนังสไตล์นี้ก็ใช่จะมีออกมาบ่อยๆ ยิ่งเรืองที่ทำถึงนี่ยิ่งน้อยเลยแหละ – แต่ขณะเดียวกันก็อยากฝากไว้ครับ ว่าในหนังนั้นเราจะได้เห็นพฤติกรรมที่ไม่น่ารักของอิ๊กบี้หลายอย่างด้วยกัน รวมถึงความคิดในการหยุดชีวิตตนเองของบางตัวละครด้วย จุดนี้ผมก็อยากให้ท่านโปรดใช้วิจารณญาณด้วยนะครับผม เอาเป็นว่าพฤติกรรมประเภทไประรานแกล้งคนอื่น ทำให้คนอื่นเดือดร้อนก็อย่าไปทำเลยครับ หรือการตัดสินใจเกี่ยวกับชีวิตของตนนั้น ลองตรองดูดีๆ ลองหาคนคุย หาใครปรึกษา ลองให้เวลากับตัวเองอีกหน่อยก่อนตัดสินใจครับ

และสำหรับที่มาของหนังเรื่องนี้นะครับ จริงๆ ตอนแรก Steers น่ะอยากจะเขียนมันออกมาเป็นนิยาย ไม่ได้ตั้งใจจะทำเป็นหนัง (และแน่นอนว่าแรงบันดาลใจสำคัญของเรื่อง ก็มาจาก The Catcher in the Rye นั่นแหละครับ) และเขาเองก็เป็นหลานของ Gore Vidal นักเขียนระดับตำนานชาวอเมริกันและ Vidal ก็ยังมาร่วมแจมในหนัง มาเป็นอาจารย์ใหญ่ที่เรียกแม่อิ๊กบี้ไปพบตอนต้นเรื่องนั่นแหละครับ

อีกอย่างที่ชอบคงเป็นเพลงนะครับ โดยเฉพาะเพลงตอนจบและตอน End Credits – เพลง Murray ของ Pete Yorn ที่โคตรให้อารมณ์ยุค 2000 – นี่มันใช่เลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ใช่สุดๆ – ระหว่างผมเขียนนี่ผมก็เอาเพลงนี้มาเปิดวนซ้ำๆ ครับ ชอบมาก ชอบทั้งทำนองและเนื้อหา – มันทำให้นึกถึงหนังนะ และขณะเดียวกันภาพชีวิตตอนยุค 2000 ก็ผลัดกันแว้บขึ้นในหัว แย่งกันแว้บอย่างสนุกสนานเลยครับ

อ้อ แล้วในแง่รายได้ก็ต้องบอกว่า หนังไม่ประสบความสำเร็จครับ หนังทำเงินไปเพียง $6.9 ล้าน แต่ทุนสร้างอยู่ที่ $9 ล้านครับ

ผมคงเอาเรื่องนี้มาดูซ้ำอีกแน่ๆ ล่ะครับ และนี่ว่าจะไปขุด The Catcher in the Rye มาอ่านอีกสักรอบด้วย ห่างเหินจากนายโฮลเดนไปนาน เดี๋ยวต้องกลับไปอ่านสักหน่อย เอาเป็นว่าเรื่องนี้ผมแนะนำเลยครับ ผมไม่อาจรับประกันได้ว่าท่านจะชอบหรือไม่น่ะนะครับ แต่บอกได้เพียงผมชอบมันมาก หนังเข้าทางผมมาก และอยากให้ได้ลองกันสักครั้งครับ

สามดาวไปเลยสิครับ

(8/10)