
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ผมอิ่มตัวกับหนังซูเปอร์ฮีโร่ครับ คือหยุดดูไปเลยพักใหญ่ๆ ของ Marvel นี่ถ้าเป็นหนังดูถึง Black Panther: Wakanda Forever ส่วนซีรี่ส์นี่หยุดอยู่ที่ Ms. Marvel ในขณะที่ฟาก DC นี่ล่าสุดคือ Black Adam ครับ – ซีรี่ส์ Peacemaker ก็ยังไม่ได้ดู
ส่วนเหตุผลที่มาไล่ดูของทางฟาก DC นี่ สารภาพเลยว่าเพราะ iTunes ครับ พอดีเขาลดราคาหนังฮีโร่ของ DC เหลือ 149 บาท คือถ้าเป็น 99 บาทนี่ผมคงไม่คิดน่ะครับ ซื้อแหลกไปแล้ว แต่พอเป็น 149 นี่ก็คิดนิดนึง เลยเอามาไล่ดู ถ้ามันสนุกเป็นที่ชอบใจก็ซื้อเลย แต่ถ้ายังไม่ถึงใจก็ค่อยไปเก็บอีกทีตอน 99 ก็ได้ – และผลก็คือ ผมคงไว้ซื้อตอนเหลือ 99 น่ะครับ
ข้อดีอย่างหนึ่งของการหยุดดูหนังแนวนี้ไปนานๆ คือมันเหมือนได้ Refresh น่ะครับ พวกความรู้สึกอิ่มตัวมันค่อยๆ คลายไปเยอะแล้ว เลยกลับมาเปิดรับและดูหนังแนวนี้ได้เพลินขึ้น ส่วนจะชอบมากชอบน้อยก็ว่ากันไป สำหรับ Shazam! ภาคแรกนี่ผมก็ว่าสนุกดีครับ เพลินดี ฮาดี มีส่วนผสมระหว่างหนังฮีโร่กับหนังมิตรภาพระหว่างวัยเยาว์ในระดับที่โอเค
ส่วนภาคนี้ก็ดูเหมือนหนังจะมาเน้นพวกฉากโชว์ CG ต่างๆ แล้วก็เน้นที่ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ ขนาดตัวละครคุยกันยังคุยในร่างซูเปอร์ฮีโร่เลยครับ เลยทำให้เนื้อเรื่องส่วนมิตรภาพวัยเยาว์มันเจือจางลง หรืออีกนัยหนึ่งก็คือจุดเด่นจากภาคก่อนถูกลดระดับลง ซึ่งก็แอบเสียดายอยู่เพราะจริงๆ ผมว่าจุดที่หลายคนรักและชอบภาคแรกนี่ก็คืออันนี้แหละ มันคือสิ่งที่ทำให้ Shazam! มีความต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ
ภาคนี้ก็หันมาเน้นความเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ครับ มีฉากต่อสู้ ฉากโชว์เทคนิคต่างๆ ซึ่งจริงๆ ก็โอเคนะ อาจไม่ถึงกับมันส์อะไรมากมาย แต่ผมก็ว่าดูได้เรื่อยๆ – ส่วนหนึ่งคงเพราะผมคลายความอิ่มตัวในหนังแนวนี้ไปได้เยอะแล้วน่ะครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าไปดูตอนกำลังจุกกับหนังแนวนี้ ความรู้สึกมันจะเป็นอย่างไร เราจะยังเพลินกับหนังเรื่องนี้แบบที่รู้สึกอยู่ในตอนนี้ไหม
ดาราจริงๆ ก็แสดงกันได้ลื่นดีครับ ส่วนฟากตัวร้ายอย่าง Helen Mirren และ Lucy Liu ก็จัดว่ามาตามสูตร คือเป็นสีสันให้หนังได้ แต่ก็ไม่ถึงกับดูแกรนด์มากเท่าตัวร้ายภาคก่อน (ทั้งๆ ที่โดยสถานะน่าจะแกรนด์กว่า) และดาราอีกคนที่มาร่วมแจมเรื่องนี้อย่าง Rachel Zegler ผมว่าเธอก็เล่นได้ดีตามที่บทจะอำนวยน่ะครับ จริงๆ ด้านดารานี่ถือว่าประคองหนังไว้ได้เยอะอยู่
สำหรับผมภาคนี้ก็ถือว่าดูได้เพลินๆ น่ะครับ ช่วงต้นๆ อาจรู้สึกว่ามันอืดหน่อย แต่พอถึงช่วงต้องสู้ต้องไฟต์กับผู้ร้ายมันก็สนุกขึ้น เพียงแต่มันก็เป็นอะไรเดิมๆ แบบที่เราได้เห็นกันมาไม่รู้กี่สิบครั้งแล้วจากหนังแนวนี้ ช่วงท้ายจริงๆ หนังมีลุ้นนะ แต่ยอมรับว่าใจไม่ได้ลุ้นอะไรมาก เพราะเหมือนมันรู้อยู่แล้วว่าเดี๋ยวมันต้องมีทางออกนั่นแหละ ยังไงผู้ร้ายก็ไม่ชนะหรอก
แต่ยอมรับว่าเห็นใจเรื่องรายได้ครับ ได้ไปแค่ $134 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนน่ะไปเข้าไป $125 ล้าน จริงๆ หนังก็ไม่ได้แย่นะครับ มันคือหนังซูเปอร์ฮีโร่นั่นแหละ ดูได้เพลินๆ นั่นแหละ เพียงแต่มันอาจไม่ได้ดีเด่นเด็ดดวงอะไรมากก็เท่านั้น แต่รายได้น้อยขนาดนี้ก็โหดเกิ๊น
สรุปว่าชอบภาคแรกมากกว่าครับ แต่หนังก็สนุกแบบเพลินๆ อย่างน้อยตอนท้ายที่ตีกันก็อลังการใช้ได้อยู่
สองดาวกว่าๆ ครับ
![]()
(6.5/10)










