Action

Beverly Hills Cop: Axel F (2024) โปลิศจับตำรวจ: เอ็กเซล เอฟ

Untitled07801

ผมว่าภาคนี้โอเลยครับ เป็นการกลับมาที่น่าพอใจของเอ็กเซล โฟลี่ย์ (Eddie Murphy) ดูสนุก เพลินได้เรื่อยๆ มีบรรยากาศเก่าๆ ตัวละครเก่าๆ เพลงเก่าๆ ดนตรีเก่าๆ มาชวนให้รำลึกถึงวันวาน ถ้าถามว่าชอบนี่ผมจัดให้ภาคนี้อร่อยรองจากภาคแรกเลย

ก่อนดูภาคนี้ผมก็จัด 3 ภาคแรกไปอีกรอบครับ อันนี้ว่ากันตรงๆ ว่าผมสนุกกับหนังชุดนี้ แต่ไม่ได้ถึงขั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้หรือชอบแบบโคตรๆ ถ้าพูดถึงหนังร่วมรุ่นร่วมยุคสมัยนั้นนี่ผมจะเป็นแฟนหนังชุด Ghostbusters มากกว่า แต่กระนั้นเรื่องนี้ก็อยู่ในข่ายชอบครับ มันเพลินมันฮาดี ครั้นพอดูภาคนี้สิ่งแรกที่ชอบเลยคือหนังเก็บรายละเอียดได้ดีในฐานะหนังภาคต่อ คือสามารถสานต่อเรื่องราวจากภาคก่อนๆ ไว้ได้อย่างดี

อย่างเรื่องของแท็กการ์ด (John Ashton) ที่มาภาคนี้ได้เป็นสารวัตรไปแล้ว ตอนแรกก็เอะใจล่ะครับว่าหนังลืมอะไรไปหรือเปล่า เพราะตอนภาค 3 (ที่ Ashton ไม่ได้มาแสดงด้วย) หนังบอกไว้ว่าแท็กการ์ดเกษียณไปแล้ว แต่ภาคนี้ดันมาเป็นสารวัตร ก็แอบกลัวเมือนกันว่าหนังจะทำเป็นลืมๆ เนียนๆ ไหมเนี่ย แต่ก็เปล่าครับ เพราะเก็บครบบอกถ้วนเลยว่าแท็กการ์ดเกษียณไปแล้วก็จริง แต่สุดท้ายก็กลับมาเป็นตำรวจเหมือนเดิม แล้วยังคืนดีกับภรรยาที่ชื่อมัวรีนอีกด้วย – แล้วในภาคนี้เราก็จะได้เห็นหน้าเธอแว๊บๆ ด้วยครับ เฮ่อ ใจก็คิดขำๆ นะว่าได้ยินชื่อมาหลายสิบปี ได้เห็นหน้าจริงๆ ก็วันนี้แหละ 555

แล้วเราก็ได้เจอครบครับ ทั้งแท็กการ์ด, บิลลี่ โรสวู้ด (Judge Reinhold), เจฟฟรี่ย์ (Paul Reiser) เพื่อนซี้เก่าแก่ของเอ็กเซลที่คอยเป็นหนังหน้าไฟรับแรงกระแทกให้ตลอด และที่ลืมไม่ได้คือ Bronson Pinchot ที่ทีมพากย์บ้านเรา (ในหลายยุคหลายสมัย) ออกเสียงชื่อพี่แกหลากหลายมากๆ ทั้งเซียร์จ, เซิร์จ, ซาร์จ มาภาคนี้คุณเธอก็ยังน่ารักอยู่เหมือนเดิม

ส่วนอีกหนึ่งตัวละครเก่าอย่างโบโกมิล (Ronny Cox) แม้จะไม่ได้มาด้วยแต่อย่างน้อยก็มาเป็นภาพครับ (ภาพในออฟฟิศของบิลลี่ที่ทำให้ผู้ร้ายรู้ตัวตนของเอ็กเซลน่ะครับ) และอีกหนึ่งคนที่มาเป็นภาพเหมือนกันก็คือสารวัตรท็อดด์ (Gilbert R. Hill) ปรากฏในออฟฟิศของเจฟฟรี่ย์ โดยถูกติดรูปไว้แถวบนๆ เลยครับ – รู้สึกเลยว่าเป็นการให้เกียรติท่าน ซึ่ง Hill ได้เสียไปแล้วเมื่อปี 2016 ครับ

แล้วหนังก็มาพร้อมเพลงเก่าๆ และดนตรีเก่าๆ ที่แฟนหนังชุดนี้ต้องคุ้นเคย รวมถึงอีกหลายๆ ประโยคที่ฟังแล้วนึกถึงฉากในภาคเก่าๆ ได้เลย – โดยเฉพาะมุก Get the Fu*k out of Here นี่นึกทีไรก็อมยิ้มครับ (แล้วมันก็ต้องซ้ำ 2 รอบเสมอด้วยนะ 555) มันทำให้นึกถึงภาคก่อนๆ ได้จริงๆ

Untitled07802

สิ่งที่ชอบต่อมาคือพี่เอ็กเซลคราวนี้แกกลับมาคมเหมือนเดิม โอเค บางอย่างก็มีเชื่องช้าหย่อนชราตามอายุ แต่ไฮไลท์จุดเด่นของเอ็กเซลคือการคิดแบบโจรๆ (เพราะก่อนจะมาเป็นตำรวจพี่ท่านเคยเป็นโจรมาก่อน) และที่ขาดไม่ได้คือลีลาพูดเพล่ามตีเนียนจนฝ่ายตรงข้ามมึนครับ นี่คือเอกลักษณ์ประจำตัวที่ผมชอบมาตั้งแต่ภาคแรก และเหตุที่ผมชอบภาค 3 น้อยสุดก็เพราะความเก่งของพี่เอ็กเซลแกดร็อปลงครับ ตามปกติที่พี่แกต้องพล่ามจนคนอื่นมึน และขณะเดียวกันพี่แกก็จะคิดหาทางเอาตัวรอดไปพลาง พูดง่ายๆ คือแกจะทำให้คนอื่นมึน แต่ตัวเองต้องมีสติมากขึ้นเป็น 2 เท่า (เพราะต้องกวนให้คนอื่นมึนและคิดหาทางออกจากปัญหาในเวลาเดียวกัน) ในขณะที่ภาค 3 นี่ออกแนวพี่แกพูดเองมึนเอง และบางทีก็ออกแนวชักนำภัยมาสู่ตัวและคนรอบข้างซะงั้น

แต่ภาคนี้พี่แกกลับมาลื่นครับ ทั้งพล่ามทั้งเนียน และที่สำคัญคือภาคนี้พี่แกมีลูกสาวด้วย (Taylour Paige) และผมชอบที่หนังเขียนบทให้ลูกสาวรู้ทันพ่อ บางทีก็ดักคอพ่อซะจนไปไม่เป็น หรือไม่ก็เป็นคนตีเนียนแทนพ่อไปซะเลย ไปๆ มาๆ นี่เธอดูจะโมเมปั้นเรื่องได้เก่งกว่าพ่อซะอีกนะนั่น

ชอบอีกอย่างคือหนังสอดแทรกปมดราม่าลงไปในระดับที่โอเค คือฟังจากบทสนทนาระหว่างเอ็กเซลกับลูกนี่เราจะเห็นภาพเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาเป็นอย่างไร ห่างเหินกันแค่ไหน แม้จุดนี้อาจไม่ได้ลึกซึ้งสุดยอดอะไรมาก แต่ก้ถือว่าน่าพอใจครับ อย่างน้อยก็ทำให้เราเห็นมิติความเป็นพ่อคนของเอ็กเซลที่ไม่นึกเหมือนกันว่าชาตินี้จะได้เห็น

ว่ากันถึงจุดไม่เด่นบ้าง – ที่ผมใช้คำว่าจุดไม่เด่นนี่เพราะมันไม่ได้หมายถึงจุดอ่อนหรือจุดด้อยนะครับ แต่หมายถึงจุดที่ไม่ได้ถูกเน้นในหนังชุดนี้มาแต่ไหนแต่ไร – จุดไม่เด่นที่ว่าสำหรับผมก็คือตัวร้ายครับ เพราะจะว่าไปแล้วตัวร้ายไม่เคยเป็นไฮไลท์ของหนังชุดนี้ ตัวร้ายในเรื่องนี้นี่มีหน้าที่เป็นคนไม่ดีที่รอให้เอ็กเซลไปเล่นงานในตอนท้าย เรียกว่ามีไว้เพื่อให้เอ็กเซลมีเรื่องมาเบเวอร์ลี่ฮิลส์น่ะครับ หน้าที่หลักๆ คือแค่นั้น

และสิ่งหนึ่งที่รู้สึกเลยคือตัวร้ายในหนังขุดนี้เป็นเพียงตัวร้าย แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นคู่ปรับของเอ็กเซล ดังนั้นผมเลยรับได้สบายๆ กับการที่ตัวร้ายในเรื่องไม่ได้เก่งกาจเหนือชั้นอะไรมาก และเอาเข้าจริงตัวร้ายทั้งหลายก็เสร็จเอ็กเซลหมด ถ้าเก่งจริงก็คงไม่โดนเล่นหรอก 555

Untitled07803

ตัวละครใหม่ในเรื่องก็มี Joseph Gordon-Levitt ในบทนักสืบบ็อบบี้ แอ็บบอตต์ รายนี้ก็เข้าคู่กับเอ็กเซลได้เรื่อยๆ ยังไม่ถึงขั้นเด่นแต่ก็ถือว่าเรื่อยๆ อีกคนก็ Kevin Bacon ในบท ผู้กองแกรนท์ รายนี้บอกตามตรงว่าเห็นหน้าแล้วรู้เลยว่าเป็นคนแบบไหนยังไง ซึ่งพี่เขาก็เล่นบททำนองนี้ได้ดีล่ะครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันก็ออกจะซ้ำๆ อยู่ จนรู้หมดตั้งแต่ต้นเลยว่าตัวละครนี้เป็นอย่างไร

ส่วนฉากแอ็คชั่นไล่ล่าต่างๆ ก็ทำออกมาได้โอเคตามมาตรฐานหนังชุดนี้น่ะครับ คือไม่ได้เมามันส์มากมาย (ถ้าจะเอามันส์นี่ ผมว่า Lethal Weapon ตอบโจทย์จุดนี้ได้ถึงใจกว่า) แต่ก็ถือว่าพอได้และพอเพลิน – โดยส่วนตัวผมว่าฉากไล่ล่าต่างๆ ในหนังชุดนี้มีไว้เพื่อใส่เพลง Soundtrack ลงไปขายน่ะครับ ซึ่งอันนี้ก็เป็นสไตล์ของ Jerry Bruckheimer อยู่แล้วน่ะนะครับ แต่จะต่างแค่กับเรื่องนี้ไม่ได้เน้นขายครับ แต่เน้นเอาเพลงจากภาคก่อนๆ มาใส่เอาใจแฟนๆ

ถ้าจะมีติดใจหน่อยๆ ก็คงเป็นประเด็นที่ว่าแท็กการ์ดไม่เชื่อสัญชาตญาณของบิลลี่น่ะครับ ก็เข้าใจแหละว่าจะเพิ่มอุปสรรค แต่นี่มันแท็กการ์ดกับบบิลลี่น่ะครับ คือกัดกันน่ะเข้าใจได้ แต่ไม่เชื่อกันนี่ออกจะแปลกๆ แต่ก็พยายามมองข้ามน่ะครับ

สรุปโดยรวมคือผมชอบครับ ให้เป็นรองจากภาคแรกเลย สนุกดี ตอบโจทย์บันเทิงได้ โอเคครับ มันอาจไม่ได้มีอะไรใหม่ แต่ว่ากันจากใจที่ผมดูหนังเรื่องเนี้ยก็เพราะอยากได้อารมณ์เก่าๆ แบบนี้นี่แหละ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)