
เรื่องนี้หลายคนน่าจะอินครับ โดยเฉพาะใครที่เคยโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์โทรหา
พล็อตก็เล่ากันตรงๆ ครับ ว่าด้วย อดัม เคลย์ (Jason Statham) คนเลี้ยงผึ้งที่พบว่าเอโลอิส (Phylicia Rashad) หญิงสูงวัยที่มีใจกรุณาต่อเขาต้องมาพบจุดจบหลังโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกจนหมดตัว ซึ่งก็พอดีครับที่พี่อดัมแกไม่ธรรมดา แกเคยมีประวัติอันโชกโชน (และโชกเลือด) มาก่อน และเมื่อกฎหมายไม่อาจทำอะไรพวกนี้ได้ อดัมเลยลุยเองแบบจัดเต็ม หมายจะกระชากผู้อยู่เบื้องหลังมาเล่นงานให้จงได้
ยอมรับว่าแอบคาดหวังว่าหนังจะเดือดกว่านี้ครับ จึงต้องบอกก่อนว่าหนังน่ะก็มีแอ็คชั่นมันส์ๆ ตามสไตล์พี่ Jason ใส่ลงมาเป็นระยะ แต่ไม่ถึงขั้นกระหน่ำครับ เพราะพื้นที่ในหนังก็ถูกแบ่งไปให้ตัวละครอื่นๆ พอสมควร ไม่ว่าจะเรื่องของเวโรน่า (Emmy Raver-Lampman) FBI ที่เป็นลูกสาวของเอโลอิสที่พยายามตามยับยั้งอด้มไม่ให้ใช้ศาลเตี้ย หรือเรื่องของเดเร็ค (Josh Hutcherson) เจ้าของกิจการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีแบ็คใหญ่โตเลยไม่กลัวอะไรทั้งนั้น แล้วก็ยังมีวอลเลซ เวสต์ไวด์ (Jeremy Irons) ที่รับงานคอยตามล้างตามเช็ดและตามปกป้องเดเร็ค
ว่าตามความรู้สึกแล้ว ผมว่าผมได้เจอพี่ Jason แค่ประมาณครึ่งเรื่อง (หรือดีไม่ดีจะไม่ถึงด้วย) นอกนั้นอีกครึ่งก็แจกจ่ายไปให้ตัวละครตามที่เอ่ยไป ซึ่งก็พอเข้าใจในแง่ของบทน่ะครับ ที่พยายามเล่าให้เราเห็นโครงข่ายโยงใยของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แก๊งนี้ที่ถือว่าใหญ่ระดับประเทศ แต่ใจลึกๆ ก็อยากเห็นพี่ Jason แกบู๊จัดหนักให้สาใจกว่านี้หน่อยน่ะครับ พอดูจบแล้วมันรู้สึกเหมือนยังไม่ค่อยเต็มอิ่มสักเท่าไร

แต่โดยรวมก็ถือว่าโอเคล่ะครับ เป็นหนังที่อยู่ในข่ายเวิร์คของพี่ Jason เป็นงานกำกับที่ใช้ได้ของ David Ayer (Street Kings,
End of Watch, Fury และ Suicide Squad) และที่แอบดีใจหน่อยๆ คือเรื่องนี้เขียนบทโดย Kurt Wimmer ที่ก่อนหน้านี้เคยกำกับ Equilibrium เอาไว้น่ะครับ ซึ่งพี่เขาก็ยังไม่ฟื้นเท่าไรหลังจากล่มไปกับ Ultraviolet และรอบล่าสุดก็ Children of the Corn ฉบับรีเมค (ปี 2020) ก็หวังว่าหลังจากเรื่องนี้พี่เขาจะได้รับโอกาสดีๆ อีกสักครั้งน่ะครับ
หนังถือว่าประสบความสำเร็จเลยล่ะครับ ทำเงินทั่วโลกไปกว่า $152 ล้าน ในขณะที่ทุนสร้างอยู่ที่ $40 ล้าน – ถ้าจะมีภาคต่อตามมาผมก็ไม่แปลกใจล่ะครับ ยิ่งตอนท้ายหนังเปิดช่องซะขนาดนั้น และว่าตามจริงอะไรๆ ในตอนจบก็เหมือนจะยังไม่จบซะทีเดียวด้วย ดังนั้นถ้าทำออกมาอีกก็พร้อมดูครับ – แต่โดยส่วนตัวนี่ผมว่าตอนจบมันออกแนวรีบเก็บข้าวของกลับบ้านมากๆ
แต่อย่างหนึ่งนะครับ… แม้ฉากแอ็คชั่นอาจยังไม่เยอะสะใจ แต่การตามทวงแค้นของตัวเอกนั้นนับว่าสะใจอยู่ คือไม่ได้อยากสนับสนุนความรุนแรงน่ะนะครับ แต่โลกนี้มันมีจริงๆ นะ คนที่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นแบบสุดลิ่มโดยไม่สนใจความถูกความผิดใดๆ ไม่เกรงกลัวกฎหมาย และไม่สำนึกอีกต่างหาก คนแบบนี้ต่อให้เราพูดดีๆ ยกมือไหว้หรือกราบกรานแค่ไหนเขาก็ไม่หยุด ดังนั้นมันก็ไม่แปลกล่ะครับหากจะมีคนที่สุดทนแบบพี่อดัม
ไม่ได้บอกว่าพี่อดัมแกทำถูกนะครับ แต่ก็อย่างที่ผมเคยพูดน่ะครับ “สิ่งที่ผิด ก็จะนำมาสู่สิ่งที่ผิด” – เพราะเกิดเรื่องแบบนั้น พี่อดัมเลยออกโรง มันคือ “ผล” ที่มี “เหตุ” เป็นตัวเหนี่ยวนำให้เกิด
สรุปว่าดูได้เอามันส์ตามสไตล์หนังพี่ Jason ครับ แต่เผื่อใจไว้นิดนะครับ มันไม่ได้กระหน่ำเต็มขั้นแบบ The Transporter หรือ Crank ครับ
สองดาวกว่าๆ ครับ
![]()
(6.5/10)
หมวดหมู่:Action, Crime, Movie Reviews, Thriller










