รีวิวหนัง/ภาพยนตร์

Dirty Rotten Scoundrels (1988) เหนืออินทรียังมีกระจอก

Untitled07737

ชอบชื่อไทยของหนังครับ “เหนืออินทรียังมีกระจอก” เป็นชื่อที่เหมาะและตรงกับเนื้อเรื่องมากๆ

ลอว์เรนซ์ เจมีสัน (Michael Caine) นักตุ๋นมือเซียนที่มักจะเลือกเป้าหมายเป็นเหล่าไฮโซ แล้ววันหนึ่งเขาก็ไปได้เห็นลีลาการตุ๋นแบบบ้านๆ ของเฟรดดี้ เบนสัน (Steve Martin) ที่ชอบใช้ความเห็นใจของคนเป็นตัวทำเงิน

พอถึงจุดหนึ่ง 2 นักตุ๋นก็เดิมพันกันว่า หากใครสามารถทำให้เจเน็ท คอลเกตต์ (Glenne Headly) ทายาทเศรษฐีเชื่อใจและยอมให้เงิน 50,000 เหรียญก่อนคนนั้นก็จะชนะ แล้วภารกิจตุ๋นตัดตุ๋นก็เริ่มต้นขึ้นครับ

เป็นหนังฮาระดับเจ๋งครับ พลังสำคัญคือ 3 ดารานำที่เล่นกันได้แบบถึงบทสุดๆ Caine ก็ดูเป็นโจรผู้ดี ร้อยเล่ห์หมื่นเหลี่ยม ทำอะไรก็คิดแผนล่วงหน้าไว้และใช้ความสุขุมคัมภีรภาพในการรับมือกับทุกสถานการณ์ รายนี้ถือเป็นนักตุ๋นระดับอินทรีจริงๆ ในขณะที่ Martin ก็มาพร้อมลีลายึกๆ ยักๆ ลนๆ ลานๆ อันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว กลยุทธ์การตุ๋นของเขาก็มักจะใช้วิธีง่ายๆ ทำตัวให้น่าสงสาร ทำตาให้ดูอ่อนโยน คือดูแล้วเชื่อน่ะครับว่าพี่แกเป็นนักตุ๋นจริงๆ รายนี้ก็ถือเป็นนักตุ๋นนกกระจอก ที่ไม่เน้นเล่นใหญ่ เน้นจิกเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ

การเข้าคู่ระหว่าง Caine กับ Martin นี่ถือเป็นไฮไลท์ครับ คนหนึ่งก็มาดนิ่งพูดน้อยเน้นความคม ส่วนอีกคนก็พล่ามไปเรื่อย ชอบหลุกหลิก ตอนเถียงกันกัดกันนี่ก็ฮาได้เรื่อยๆ และหลายฉากหลายตอนนี่พวกเขาก็ด้นบทพูดกันขึ้นมาเองด้วยครับ และอีกคนที่ลืมไม่ได้เด็ดขาดคือ Headly ผู้ล่วงลับ เธอแสดงได้เยี่ยมไม่แพ้ 2 ตัวเอกครับ สีหน้าท่าทางแววตาของเธอดูจริงใจ ไร้เดียงสา ดูเป็นคนใสๆ ซื่อๆ จนไม่แปลกใจเลยที่เธอจะสามารถละลายใจของ 2 นักตุ๋นได้ ทำเอานักตุ๋นมืออาชีพแทบจะรู้สึกผิดเลยล่ะที่มาหลอกคนน่ารักอย่างเธอ

นอกจากนี้ยังมี Anton Rodgers มาเป็นสารวัตรอังเดร และที่เซอร์ไพรส์คือได้ Ian McDiarmid มาเป็นอาร์เธอร์ หนึ่งในทีมงานตุ๋นของลอว์เรนซ์ ซึ่งพี่ท่านก็เล่นได้กวนฮาดีครับ – แต่ระหว่างดูนี่ผมนึกถึงตอนเขาเล่นเป็นพัลพาทีนตลอดเลยแฮะ 555

Untitled07738

หนังกำกับโดย Frank Oz ที่ถนัดอยู่แล้วกับหนังเบาสมองสไตล์นี้ เรียกว่าดาราก็เล่นได้เนียน ผู้กำกับก็คุมหนังได้อยู่ เล่าเรื่องได้น่าติดตามดี ดูไปเพลินไป และจุดเด่นที่เข้าตาผมอีกอย่างคืองานฉากครับ ไม่ว่าจะโลเคชั่นหรือบ้านต่างๆ ดูสวยเด่นเตะตาจริงๆ อีกอย่างก็ดนตรีโดย Miles Goodman ที่ไหลพลิ้วไปตามสถานการณ์ได้อย่างพอเหมาะสุดๆ

สำหรับเบื้องหลังงานสร้างของหนังเรื่องนี้ จุดเริ่มเลยคนที่จะมารับบท 2 นักตุ๋นคือ Mick Jagger กับ David Bowie ที่ตอนนั้นกำลังกอดคอกันดังจากมิวสิกวีดีโอเพลง Dancing In The Street เลยมีผู้อำนวยการสร้างอยากเห็นพวกเขามาเล่นหนังคู่กัน เลยมอบหมายให้มือเขียนบท Dale Launer ที่กำลังดังจาก Ruthless People มาช่วยเขียนบทหนังให้ที

แล้ว Launer ก็ได้ไอเดียหลังจากดูหนัง Bedtime Story (1964) ทางทีวี – โดยฉบับนั้น Marlon Brando เล่นเป็นเฟรดดี้ และ David Niven เล่นเป็นลอว์เรนซ์ – เขาเลยเสนอว่างั้นเอา Bedtime Story มารีเมคแล้วให้ 2 นักร้องดังเล่นคู่กันซะเลยเป็นไง? ทางผู้สร้างก็เห็นว่าดีครับ แต่แล้วจู่ๆ Jagger กับ Bowie ก็โบกมืออำลาเพราะสนใจโปรเจคท์อื่นๆ มากกว่า แต่พอโปรเจคท์มันเดินไปแล้วผู้สร้างก็ต้องหาทางไปต่อ เลยไปทาบทามให้ Eddie Murphy กับ John Cleese มาเสียบแทน แต่ทั้งคู่ก็ไม่เล่นด้วย จนสุดท้ายก็มาลงตัวที่ Martin และ Caine นี่แหละครับ

และจะว่าไปกลายเป็นว่าหนังเรื่องนี้ถูกรีเมคหลายรอบเหมือนกันนะครับ เพราะเรื่องนี้รีเมคมาจาก Bedtime Story แล้วในเวลาต่อมามันก็ถูกรีเมคไปเป็นเรื่อง The Hustle ที่ Anne Hathaway แสดงกับ Rebel Wilson น่ะครับ แต่ขอพูดแบบไม่อ้อมค้อมว่าฉบับนี้สนุกกว่าฉบับใหม่เยอะ

สรุปว่าเรื่องนี้แนะนำให้ดูเลยครับ หนังฮาลื่นไหล การแสดงพลิ้วๆ เนียนๆ โลเคชั่นในหนังก็สวย เรียกว่าตอบโจทย์ความบันเทิงได้แบบเต็มร้อยครับ

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

Star22

(7.5/10)