
วันนี้ (หมายถึง วันที่ผมเขียนนี่น่ะนะครับ) คือวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ครับ เป็นประเพณีปกติของผมที่จะนำเอาหนังแนวฟีลกู้ดวันคริสต์มาสมาเปิดดูเพื่อเรียกรอยยิ้มและทำให้หัวใจอบอุ่นต้อนรับวันคริสต์มาส และหนังเรื่องแรกที่ผมคว้ามาดูก็คือเรื่องนี้ครับ
วันนี้ (หมายถึง วันที่ผมเขียนนี่น่ะนะครับ) คือวันที่ 24 ธันวาคม 2563 ครับ เป็นประเพณีปกติของผมที่จะนำเอาหนังแนวฟีลกู้ดวันคริสต์มาสมาเปิดดูเพื่อเรียกรอยยิ้มและทำให้หัวใจอบอุ่นต้อนรับวันคริสต์มาส และหนังเรื่องแรกที่ผมคว้ามาดูก็คือเรื่องนี้ครับ
จริงๆ หนังเรื่องนี้น่าจะเป็นอะไรที่เข้าทางผมมากเลยครับ เพราะเป็นหนังดราม่าที่จับเอาช่วงเวลาหนึ่งของคนมาบอกเล่า ซึ่งหนังสไตล์นี้ที่ผมชอบก็ยกให้ American Graffiti, Stand By Me และหนังตระกูล Before Sunrise ทั้งหลาย
ปี 1950 มีหนังเรื่อง Father of The Bride ออกมา ใช่ครับ หนังเรื่อง Father of the Bride ปี 1991 ก็เป็นฉบับรีเมค และในปี 1951 มีหนังเรื่อง Father’s Little Dividend ออกมา ใช่อีกแล้วครับ มันคือภาค 2 ของ Father ปี 50 นั่นแหละ แต่กับภาค 2 ที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ไม่ใช่งานรีเมค Father’s Little Dividend หรอกนะครับ แต่เป็นภาคต่อจาก Father ปี 90 น่ะ
แล้วหนังเรื่องนี้ก็มาถึง หนังที่ผมที่ชอบที่สุดในบรรดาหนังที่ลุง Steve Martin แกแสดงมา… ไม่ใช่สิ …. ต้องบอกว่า นี่เป็นหนังที่ผมชอบที่สุดเท่าที่ผมเคยดูหนังมา!!!!!!
หนังเรื่องนี้เคยสร้างมาแล้วรอบนึง แต่เป็นหนังสยองนะครับ อันนั้นทำโดย Roger Corman เจ้าพ่อหนังสยองเกรดบียุคแรกๆ มาฉบับนี้ เป็นหนังเพลง-ตลกครับ (ดัดแปลงไปขนาดนั้นได้ไงก็ไม่ทราบเหมือนกัน) เรื่องของต้นไม้กินคนที่ได้รับการดูแลโดยซีมัวร์ เคลย์บอร์น (Rick Moranis) แต่เขาไม่รู้ครับว่ามันจะกินคนอ้ะ สุดท้ายเขาเลยต้องต่อสู้กับมัน ก่อนที่มันจะไล่เขมือบออเดรย์ (Ellen Greene) หญิงสาวที่เขาแอบรัก
เรื่องนี้ผมเข้าไปดูในโรงเลยครับ นั่งจดนั่งจ้องจะไปดูมานานครับ คิดว่าจะชวดซะแหล่ว แต่ก็ฮึดไปดูจนได้ ที่อยากดูก็เพราะมีลุง Steve Martin แสดงนำครับ ซ้ำยังแสดงเป็นพ่อคนอีก อืมม์ ดาราที่แสดงเป็นพ่อนี่ ลุง Steve เป็น 1 ในตองอูเลยครับ เล่นได้ดีและเก่งจนผมต้องมาติดตามหนังของพี่แกทุกเรื่องนี่แหละ
หนังตลกที่ลุง Steve Martin ได้ร่วมงานกับผู้กำกับหนังฮาคนเก่งอีกคน Carl Reiner ซึ่งคู่บุญกับลุง Steve ทำหนังด้วยกันอีก 4 ้เรื่องเลยล่ะครับ (Reiner เขาเป็นนักแสดงด้วยนะครับ คุณๆ น่าจะจำเขาได้จากบทซาล หนึ่งในทีม Ocean’s Eleven คนที่อายุมากที่สุดน่ะครับ)
Steve Martin พบ Eddie Murphy ในหนังตลกกัดฮอลลีวูดเรื่องเด็ดของผู้กำกับ Frank Oz (Little Shop of Horror) ลุง Steve เป็น บ็อบบี้ โบฟิงเกอร์ ผู้กำกับหนังทุนต่ำที่ใฝ่ฝันจะได้ร่วมงานกับ คิท แรมซี่ (Murphy) แต่เขาเป็นดาราใหญ่นี่หน่า ย่อมไม่ยอมมาแสดงให้ผู้กำกับโนเนมอยู่แล้ว บ็อบบี้เลยแอบตามถ่ายโดยที่คิทไม่รู้ตัว โดยกะจะเอาภาพทั้งหลายไปทำเป็นหนัง แล้วเรื่องบ้าๆ ก็เริ่มต้นครับ
ก่อน Cheaper by The Dozen ก็มีเรื่องนี้แหละครับที่เป็นผลงานร้อยล้านของลุง Steve Martin ครั้งนี้ ลุงแกมารับบทเป็นปีเตอร์ แซนเดอร์สัน ทนายที่หย่าร้างกับเมียและมีลูกติดอยู่ เขาได้ตัดสินใจนัดเจอกับทนายสาวที่เขาพบในอินเตอร์เนท เขาคิดว่าเธอสวย น่ารัก ผิวขาว แต่ผู้หญิงที่มากดกริ่งหน้าบ้านเขาคือ หญิงอ้วน ผิวดำ และเพิ่งแหกคุกมา นามว่าชาร์ลีน (Queen Latifah) … ตายล่ะสิ
หนังรีเมคจากฉบับเก่าเมื่อปี 1970 อันเป็นหนึ่งในงานของ Neil Simon นักเขียนบทละครตลกมือเยี่ยม สำหรับฉบับนี้ได้ ลุง Steve Martin กับ Goldie Hawn มาแสดงนำเป็นคู่สามีภรรยาที่มาจากบ้านนอก แล้วก็มาสร้างความปั่นป่วนแกมน่ารักในเมืองใหญ่ครับ ก็ลงสูตรหนังตลกเปิ่นๆ น่ะแหละ