Drama

Akira and Akira (2022) อากิระ กับ อากิระ

Untitled07529

ผมดูเรื่องนี้เพราะเป็นผลงานของ Jun Ikeido แห่ง Hanzawa Naoki ครับ

ตัวเอกของเรื่องคือ อากิระ ยามาซากิ (Ryoma Takeuchi) และอากิระ ไคโด (Ryusei Yokohama) ทั้งคู่เป็นนายธนาคารครับ รายแรกมีอดีตคือโรงงานของพ่อต้องล้มละลายเพราะธนาคารไม่ปล่อยเงินกู้ให้ เขาเลยมาเป็นนายธนาคารด้วยความหวังว่าจะสามารถใช้พลังอำนาจของธนาคารในการช่วยเหลือผู้คนได้บ้าง – ส่วนรายหลังเป็นลูกเจ้าของบริษัทใหญ่ครับ แต่เขาเลือกจะออกมาทำงานธนาคารแทนที่จะสืบทอดมรดกต่อจากพ่อ

แล้วทั้งสองก็ได้มาเจอกันครับ ช่วงต้นก็มีการประลองฝีมือกันนิดหน่อย จ่ากนั้นต่างคนก็ต่างไปประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆ จนพอตอนหลังก็ได้มาเจอกันอีกหน ซึ่งพวกเขาต้องกลับมาเจอกันเพราะอะไรนั้นก็หาคำตอบกันจากในหนังนะครับ

พูดแบบไม่อ้อมค้อมคือหนังมาทางเดียวกับผลงานหลายๆ เรื่องของ Jun Ikeido น่ะครับ ตัวเอกมาพร้อมความมุ่งมั่นอะไรบางอย่าง และต้องเจอกับอุปสรรคขวากหนามให้ฟันฝ่า แน่นอนว่าการสู้กับปัญหานั้นตอนแรกๆ มันจะยาก แต่พวกเขาก็จะสู้ต่อไป สู้ต่อไป สู้จนกว่าจะชนะ และเราก็จะได้ร่วมรู้สึกยินดีกับเขาในท้ายที่สุด

หนังมาสูตรนั้นเลย และผมก็ดูเพราะชอบสูตรนี้นั่นแหละครับ มันให้พลังใจดี

แต่ผลลัพธ์นั้นถ้าให้ว่าตามความรู้สึกแล้ว ผมรู้สึกกลางๆ ครับ การเดินเรื่องมันไม่ได้ชวนติดตามหรือเร้าใจอะไรมาก ซึ่งผมมองว่าปัญหาน่าจะมาจากผมนี่แหละ ที่ดันเคยดูทั้ง Hanzawa Naoki, Shitamachi Rocket, Roosevelt Game และ Rikuoh แต่ละเรื่องที่กล่าวมานั้นสามารถสร้างความประทับใจให้ผมแบบสุดๆ ซึ่มๆ มาแล้ว รวมทั้งเรียกน้ำตาด้วยครับ ดูแล้วน้ำตาไหลทุกเรื่อง

ว่าง่ายๆ คือเรื่องเหล่านั้นทำไว้ดีจนเป็น High Score ในใจ ครั้นพอมาดูเรื่องนี้แล้วหนังทำได้ไม่ขนาดนั้นมันเลยรู้สึกเรื่อยๆ น่ะครับ การเล่าเรื่องจริงๆ มีประเด็นที่ควรมีอยู่นะ เช่น วีรกรรมที่ยามาซากิทำเพื่อให้โรงงานได้รับเงินกู้ เป็นต้น แต่การเล่ามันออกแนวเรื่อยๆ ไม่ได้ขยี้ ไม่ได้มีพลังเท่าที่ควร

Untitled07530

และสิ่งหนึ่งที่ผุดขึ้นในใจระหว่างดูก็คือ สิ่งที่ผมอยากเห็นในหนังหรือซีรี่ส์แนวนี้เนี่ย คือการเทคแอ็คชั่นของนักแก้ปัญหา อยากเห็นฝีมือของพวกเขาเป็นหลัก แต่กับเรื่องนี้นี่ในช่วงครึ่งแรกเราต้องทนดูการไม่คิดจะแอ็คชั่น หรือแอ็คชั่นในทางที่ไม่ควรจะแอ็คชั่นของคนที่สร้างปัญหามากพอสมควร มันเลยแอบอึดอัดหน่อยๆ น่ะครับ

ช่วงครึ่งหลังทั้ง 2 ตัวนำของเราก็ต้องเจอกับโจทย์ใหญ่ แล้วก็สู้กับมัน พยายามแก้กันไป ซึ่งการนำเสนอมันก็ไม่ได้ทำให้ตื่นเต้นเร้าระทึกอะไร สรุปเลยก็คือหนังน่ะโครงโอเคครับ ทิศทางก็โอเค แต่การนำเสนอบอกเล่ามันธรรมดาไป ไม่กระตุ้นเร้าเท่าที่ควร

ดังนั้นผมมองว่าถ้าใครไม่เคยดูซีรี่ส์ที่ผมเอ่ยมาก่อน แล้วดูเรื่องนี้ก็อาจจะสนุกครับ แต่หากใครผ่านซีรี่ส์ชุดนั้นมาแล้วก็อาจจะรู้สึกแบบที่ผมบอกไป ซึ่งหลายท่านอาจจะมองว่าเพราะซีรี่ส์เป็นซีรี่ส์เลยเล่าได้ครบอารมณ์กว่า แต่จริงๆ แล้วในหนังเรื่องเนี้ยก็มีประเด็นค่อนข้างครบนะครับ แต่ปัญหาคือการเล่ามันไม่เร้าอารมณ์ มันไม่ทำให้พีค มันเรื่อยไปหน่อยน่ะครับ

แต่สาระสำคัญที่หนังฝากไว้ก็ยังโอเคครับ นั่นคือการทำให้คนดูมีกำลังใจในการสู้กับปัญหา อย่าเพิ่งยอมแพ้ท้อถอย บางปัญหามันอาจจะใหญ่และดูไร้ทางแก้ ก็ให้เวลาตัวเองสักหน่อยครับ พักผ่อนสักคืนหนึ่ง ให้หัวและใจได้พักเอาแรง ไม่แน่ว่าวันพรุ่งเราอาจจะพอเห็นทางออกก็ได้

และอีกสาระคือ จะทำอะไรเราควรมีสติครับ โดยเฉพาะการจะตัดสินใจทำอะไรลงไปนั้นเราควรมีข้อมูลที่มากพอ ยิ่งเรื่องใหญ่ยิ่งเรื่องสำคัญก็ยิ่งต้องมีข้อมูลให้มาก เพื่อที่เราจะได้ตัดสินใจอย่างถูกต้องตรงเป้า หรือถ้าจะเสียหายก็เสียหายให้น้อยที่สุด

อย่าด่วนตัดสินใจด้วยอารมณ์เป็นอันขาด – ดับอนาถกันไปหลายรายแล้วครับ พวกใช้อารมณ์แล้วใส่เกียร์ 5 เนี่ย

ถ้าจะให้แนะนำก็คงเป็นว่า ดูซีรี่ส์ที่ผมเอ่ยไปครับ รับรองเวิร์ก

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)