Adventure

Night at the Museum: Secret of the Tomb (2014) ไนท์ แอท เดอะ มิวเซียม 3 ความลับสุสานอัศจรรย์

MV5BMjI1MzM2ODEyMV5BMl5BanBnXkFtZTgwNTIzODAwMzE@._V1_

Night at the Museum: Secret of the Tomb ทำให้นึกถึงเกมลุยด่านของเครื่อง Famicom สมัยก่อนน่ะครับ

เปิดเรื่องมาก็มีเหตุให้ตัวเอกต้องไปลุยในปราสาทหรืออะไรสักอย่าง แล้วพวกพระเอกก็ลุยไป เจออุปสรรค+กับดัก+ค่ายกลระหว่างทาง มีบอสแต่ละห้องให้ปราบ ปราบเสร็จก็ไปห้องถัดไป ดูภาคนี้แล้วมันอารมณ์นั้นเลย – ภาคนี้ไปผจญภัยกันที่พิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษครับ

ก็ยังดูเพลินนะครับ แต่ภาคนี้แลร์รี่ (Ben Stiller) ดูนิ่ง ฉลาดขึ้น เรียกว่าจากประสบการณ์ 2 ภาคก่อนสร้างให้เขาเป็น “ยามเหนือยาม” ไปแล้ว (555) ส่วน Robin Williams ก็มาเนิ่บๆ สนุกๆ ตามบทจะอำนวยครับ (ยอมรับว่าซีนสุดท้ายของลุงเขา ทำให้คิดถึงเหมือนกันนะครับ เพราะนี่ถือเป็นการปรากฏตัวบนจอครั้งสุดท้ายก่อนที่ลุงเขาจะจากไป)

Owen Wilson กับ Steve Coogan ก็ขโมยซีนเป็นพักๆ, Ricky Gervais เจ้าของบท ดร.แม็คฟี่ทั้ง 3 ภาคก็ดูจะมีบทเยอะขึ้น และเจ๊ Rebel Wilson ก็มาแจมเสริมความฮาได้พอสมควร

ภาคนี้มีเนื้อหา 2 ส่วนและ 2 อารมณ์นะครับ ส่วนแรกก็คือผจญภัยตามสูตร อีกส่วนก็จะออกแนวซึ้งๆ กินใจ (ในตอนท้ายเรื่อง) แต่แอบเสียดายเล็กๆ ที่การนำเสนอยังไม่เป็นเนื้อเดียวกันเท่าไร คือครึ่งแรกผจญภัยก็ผจญภัยกันไป แต่พอจะซึ้งก็หักศอกเข้าบทซึ้งเลย ถ้ามีการปูอะไรๆ สักหน่อยมาตั้งแต่ช่วงผจญภัยก็คงจะดี กระนั้นในแง่ความซึ้งก็ถือว่าทำได้ดีเหมือนกันครับ ถือเป็นการสรุปเรื่องราวที่ดีพอสมควร

จริงๆ ภาคนี้เหมือนพยายามจะแก้จุดพร่องจากภาคก่อนที่แลร์รี่ไปผจญภัยเสียส่วนมาก ส่วนเหล่าผองเพื่อนในพิพิธภัณฑ์ดั้งเดิมกลับไม่ค่อยมีบทบาท พอมาภาคนี้เลยให้แลร์รี่และเหล่าตัวละครหลักจากภาคแรกมาผจญภัยร่วมกันซะเลย แต่เอาเข้าจริงกลับไม่ค่อยมีบทบาทอะไรมากนัก ตอนแรกก็นึกว่าจะให้แต่ละคนมาผลัดกันขโมยซีน ให้แต่ละคนใช้ความถนัดของตนมาฝ่าด่านแก้ปัญหาต่างๆ แต่นี่กลายเป็นเหมือนเพียงให้ได้เห็นหน้าพวกเขาน่ะครับ เลยแอบเสียดายอยู่นิดๆ

เหมือนหนังสลับกันพร่องน่ะครับ ภาค 2 นี่ยังคงสนุกในแง่การผจญภัย แต่บทบาทของตัวละครหลักๆ จากภาคแรกกลับมีน้อย ครั้นมาภาคนี้ให้ตัวละครหลักกลับมา อันเป็นการแก้จุดพร่องจากภาคก่อน แต่พวกเขากลับไม่ค่อยมีบท และในแง่ของการผจญภัยก็ออกรสน้อยลง

Untitled07240

และที่รู้สึกอย่างหนึ่งตอนดูก็คือตัวร้ายครับ เหมือนจู่ๆ ก็ถูกกำหนดให้ร้ายตามบท เหมือนทีมงานนึกอะไรไม่ออกเลยต้องให้ตัวนี้เป็นตัวร้ายเพื่อสร้างเงื่อนไขในการลุ้นแบบพอหอมปากหอมคอ และพอถึงเวลาพี่ท่านก็กลับใจได้เฉยเลย

จริงๆ ก็แอบรู้สึกครับว่าภาคนี้เหมือนหมดมุก การผจญภัยจริงๆ คล้ายภาค 2 แต่ลดสเกลลงมา ส่วนหนึ่งคงเพื่อประหยัดทุน (ภาค 2 ใช้ทุนไป $150 ล้าน ส่วนภาคนี้ใช้ไป $127 ล้านครับ) แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วก็น่าเสียดายตรงที่จริงๆ อังกฤษนั้นมีตำนานเยอะแยะให้เลือกสรรครับ แต่หนังไม่ค่อยเอามาเล่น เลยกลายเป็นว่าพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษนี่ดูธรรมดาไปเลย

จำได้ว่าตอนผมดูเรื่องนี้รอบแรก ผมค่อนข้างเฉยกับส่วนการผจญภัยครับ แต่มาได้ใจตอนซึ้งๆ ในช่วงท้าย ครั้นพอดูรอบล่าสุดแบบเรียงภาคต่อๆ กัน ผมก็ยังเฉยในส่วนของการผจญภัยเหมือนเดิม หรือจริงๆ อาจเฉยมากขึ้นด้วยเพราะมันรู้สึกน่ะครับว่า 2 ภาคแรกมันตอบโจทย์ตรงนี้ได้ดีกว่า ในขณะที่ส่วนซึ้งๆ นี่จากที่ชอบอยู่แล้วตั้งแต่แรก มารอบนี้กลายเป็นชอบมากขึ้น รู้สึกกินใจมากขึ้น เหตุผลอย่างแรกคงเพราะคิดถึงลุง Robin Williams น่ะครับ และเหตุผลอย่างที่ 2 คือคงเพราะดูแบบเรียงภาคมาหมาดๆ ความรู้สึกเพลิดเพลินผูกพันมันเลยยังรู้สึกแบบสดๆ และพอเรื่องมาถึงตอนบทสรุปแบบนี้ มันเลยรู้สึกซึ้งถึงจิตถึงใจมากยิ่งขึ้น

พูดได้เต็มปากว่าผมชอบหนังชุดนี้ครับ มันอาจไม่ได้คลาสสิกยอดเยี่ยมหรือเปี่ยมคุณภาพอะไรมากมาย แต่มันสนุก มันแฟนตาซี มันเปี่ยมจินตนาการ และที่สำคัญคือมันชวนให้นึกถึงวันเก่าๆ ครับ เพระาเอาเข้าจริงหนังชุดนี้ก็จะ 20 ปีแล้วนะครับ ผมยังจำความรู้สึกตอนดูรอบแรกได้ว่าดูแล้วชอบ มาวันนี้นั่งดูกับลูกก็ยังรู้สึกชอบ เพียงแต่มันเป็นความชอบที่บวกด้วยความทรงจำเมื่อวันเก่าๆ

มาวันนี้ ลุง Robin ไม่อยู่แล้ว ปู่ Mickey Rooney (ที่แสดงเป็นกัส เสือเตี้ยจอมซ่าส์ เพื่อนร่วมก๊วนของเซซิล (Dick Van Dyke)) รายนี้ก็ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน หรือกระทั่งค่ายที่สร้างหนังชุดนี้อย่าง 20th Century Fox มานาทีนี้ก็ถูก Disney ซื้อไป เหลือเพียงชื่อ 20th Century Studios เท่านั้น – หลายอย่างหายไป หลายอย่างเปลี่ยนไป – และจะว่าไปสมัยโน้นหนังแฟนตาซีแบบนี้ยังหาดูง่ายกว่าตอนนี้เยอะ… คิดถึงนะครับ

ถือเป็นงานกำกับที่โอเคอีกเรื่องของ Shawn Levy ที่อยู่คู่หนังชุดนี้ครบทุกภาค สำหรับภาคนี้ก็ดูได้สนุกๆ ครับ อารมณ์ขันไม่เลว ดารารับเชิญก็เยอะดี (โดยเฉพาะ 2 รายหลังที่มาโผล่ในละครเวทีนั่น มาเอาฮาจริงๆ 555) แม้ความสนุกจะลดหลั่นลงมา แต่ถ้าเอามาดูต่อๆ กัน มันก็ให้ความรู้สึกที่ดีไม่น้อยครับ – และเกร็ดเล็กๆ ที่อยากนำมาบอกก็คือ จริงๆ หนังมีแผนจะทำภาคแยกออกมาครับ เป็นการผจญภัยของเจเดไดอาห์ (Wilson) กับ อ็อคเตเวียส (Coogan) แต่สุดท้ายโปรเจคท์ก็ยกเลิกไป หลังการจากไปของลุง Robin ครับ

สองดาวกว่าครับ

Star21

(6.5/10)