
พูดแบบไม่อ้อมค้อม ว่าผมใช้ความอดทนสูงมากในการดูหนัง One Way ครับ แต่ที่เกริ่นแบบนี้ไม่ได้เป็นการสรุปว่าหนังดีหรือไม่ดีนะครับ เพราะมันมีรายละเอียดที่ต้องแจกแจงอยู่พอสมควร
พล็อตหลักว่าด้วยตัวเอกที่ชื่อเฟรดดี้ (Colson Baker) ที่หอบเงินหนีมา อีกทั้งเขายังโดนยิงด้วย แน่นอนว่าเจ้าของเงินก็ไล่ตามล่าเขาครับ ส่วนเขาก็หนีขึ้นรถไป และสิ่งที่หนังนำเสนอไปจนจบก็คือความพยายามของเฟรดดี้ที่จะหนีให้พ้นจากพวกที่ล่าเขา รวมถึงพยายามแก้ไขสถานการณ์เท่าที่พอจะทำได้
จริงๆ โดยพล็อตน่ะน่าสนใจครับ ชายคนหนึ่งที่เป็นอาชญากรพยายามหนีการตามล่า แล้วก็พยายามแก้เกมรวมถึงแก้ไขความผิดพลาดในชีวิตขณะอยู่บนรถคันนั้น แล้วระหว่างทางเขายังได้เจอกับราเชล (Storm Reid) วัยรุ่นที่เหมือนจะหนีออกจากบ้านมาเพื่อไปหาผู้ชาย ซึ่งพอเฟรดดี้รับรู้เรื่องเข้าเขาก็พยายามให้คำแนะนำกับเธอ เพื่อไม่ให้เธอต้องหลงเดินทางผิด
ผมว่าหนังแนวนี้ทำยากครับ จุดยากของมันอยู่ตรงที่ “ทำยังไงถึงจะดึงความสนใจคนดูให้ได้ตลอดรอดฝั่ง?” เพราะหนังเกิดเรื่องในสถานที่จำกัด – เฟรดดี้อยู่บนรถตลอด – ดังนั้นระหว่างทางเรื่องมันจะต้องน่าสนใจ สถานการณ์มันจะต้องน่าติดตาม บทสนทนาก็ต้องมีของดีเพื่อชวนให้คนดูจดจ่อและคิดตาม
แต่สิ่งที่หนังเป็น บอกตรงๆ ว่ายังไม่น่าสนใจขนาดนั้นครับ อย่างแรกคือพลังดาราของ Colson Baker หรือที่หลายท่านอาจรู้จักในนาม Machine Gun Kelly นั้นพลังยังไม่มากเท่าไร คือตอนดูนี่รู้สึกเลยว่าคนที่จะเล่นบทนี้ต้องมีของเยอะพอตัว อารมณ์มันต้องประมาณที่ Colin Farrell เล่นใน Phone Booth หรือที่ Tom Hardy แสดงใน Locke พลังมันต้องเบอร์นั้นครับถึงจะเอาอยู่

ถัดจากฝีมือดาราแล้ว บทก็ต้องน่าสนใจ บทพูดมันต้องดึงดูดให้เราอยากดูต่อ และสถานการณ์มันต้องชวนให้ติดตาม ชวนให้ลุ้น แต่สำหรับหนังเรื่องนี้อะไรเหล่านี้ค่อนข้างธรรมดาครับ – ทีนี้พอดาราหลักพลังไม่มากพอ และบทระหว่างทางไม่เข้มพอ ความน่าสนใจเลยไม่มาก หนังเลยไม่น่าติดตามเท่าที่ควร
แต่ผมก็เป็นคนประเภทที่ดูเรื่องไหนแล้วต้องดูให้จบน่ะครับ เลยพยายามดูต่อไปเรื่อยๆ ซึ่งผมรู้สึกเลยครับว่าตัวเองทนในการดูค่อนข้างมาก และยังดีที่หนังพอมีตัวช่วยอย่างการแสดงที่เข้าท่าของ Reid และดารารุ่นเก่าอย่าง Kevin Bacon และ Drea de Matteo มาช่วยไว้ในหลายวาระ แต่ถึงอย่างนั้นผมว่าผมก็ยังอดทนเยอะอยู่ดีน่ะครับ 555
แต่ผมดีใจนะที่ดูจนจบ เพราะของเข้าท่าจริงๆ มันอยู่ที่ช่วงหลังน่ะครับ ช่วงที่ปมถูกขมวด ช่วงที่เราจะได้เข้าใจและเห็นภาพว่าเฟรดดี้กำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่ และบทสรุปของหนังถือว่าโอเคเลยครับ ฉากจบตอน End Credits ขึ้นนี่ผมพยักหน้าเลย คือผมเชื่อว่าคนเขียนบทเขาต้องมั่นใจในตอนจบของเขาน่ะครับ ว่าจบแบบนี้ดีและชวนให้จดจำ ซึ่งผมว่ามันก็น่าจดจำอยู่นะ ไม่ว่าจะบทสรุปของเนื้อเรื่อง และฉากปิดท้ายที่ถ่ายได้สวย พร้อมเพลงที่ถือว่าเลือกมาปิดเรื่องได้เหมาะ
ก็แอบเสียดายอยู่ครับ ถ้าหนังทั้งเรื่องมันน่าสนใจและน่าดูได้ตลอดก็คงดี แต่นี่คือมาดีตอนจบน่ะครับ แต่ระหว่างทางมันอ่อนพลังไปหน่อย
ก็ประมาณดาวครึ่งครับ

(5/10)
หมวดหมู่:Action, Movie Reviews, Thriller










