Action

Battle of Britain (1969) สงครามอินทรีเหล็ก

Untitled07059

Battle of Britain เล่าถึงเหตุการณ์ในปี 1940 ช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 2 กับปฏิบัติการของกองทัพอากาศเยอรมัน (Luftwaffe) ที่หมายมั่นจะยึดครองน่านฟ้าของอังกฤษ จึงเปิดเกมส่งเครื่องบินนับพันไปจู่โจมอังกฤษ อีกทั้งทิ้งระเบิดทำลายจุดยุทธศาสตร์ต่างๆ ซึ่งหากแผนนี้สำเร็จก็จะเท่ากับเยอรมันสามารถช่วงชิงความได้เปรียบมาสู่ฝ่ายตน

กล่าวกันว่าเครื่องบินรบของเยอรมันนั้นมีกว่า 2,500 ลำครับ ในขณะที่ทางฝั่งอังกฤษมีอยู่ราวๆ 700 ลำเท่านั้น ตอนแรกอังกฤษก็ทำท่าจะเสียเปรียบอยู่เหมือนกัน แต่ในที่สุดฝ่ายอังกฤษก็สามารถพลิกสถานการณ์ยืนหยัดต่อสู้กับฝูงบินฝ่ายเยอรมันได้ อีกทั้งยังสร้างความสูญเสียให้ทางฝ่ายเยอรมันในระดับที่เยอรมันเองก็คาดไม่ถึง จนทำให้เยอรมันต้องยกเลิกแผนไปในที่สุด

สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ในหนังสงครามรุ่นเก่าทุนสูงแบบนี้คืองานสร้างครับ ฉากไฮไลท์อย่างการระเบิดภาคพื้นที่ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ เราจะได้เห็นภาพการระเบิดตูมตามกันแบบสมจริง (เพราะยุคนั้นยังไม่มี CG) จุดนี้ก็ต้องยอมรับครับว่านำเสนอภาพการทำลายล้างได้อย่างน่าจดจำ ตูมจริงอะไรจริง – ถ้าดูแล้วคุ้มมันก็จะคุ้มตรงนี้นี่แหละครับ

แล้วก็ตามสูตรของหนังแนวนี้ครับที่จะต้องมีการรวมดาวดารากันไว้คับคั่ง ไม่ว่าจะ Michael Caine, Trevor Howard, Curd Jürgens, Ian McShane, Laurence Olivier, Christopher Plummer, Ralph Richardson, Robert Shaw, Patrick Wymark, Susannah York และ Edward Fox โดยแต่ละเจ้าก็โผล่หน้ากันมาคนละนิดละหน่อย บางคนก็อาจจะบทเยอะกว่าคนอื่นเขานิดนึง ก็ถือเป็นการเรียกลูกค้าสำหรับหนังสงครามสมัยนั้น ส่วนในแง่การแสดงก็ถือว่าทำกันได้ดีเท่าที่โอกาสและเนื้อที่บนจอจะอำนวย

สำหรับตัวหนังนั้นก็พยายามจับเอาเหตุการณ์สำคัญจากยุทธเวหาครั้งนี้มาบอกเล่าครับ หลักๆ ก็คือบอกเล่าถึงฝ่ายอังกฤษที่ต้องพยายามหาทางแก้เกมการบุกของเยอรมัน แล้วก็เล่าถึงความฮึกเหิมเหี้ยมหาญของฝ่ายเยอรมันที่หมายจะพิชิตศึกนี้ให้เร็วที่สุดเพื่อความพอใจของฮิตเลอร์ แต่ถ้าให้ว่ากันตรงๆ แล้ว หนังไม่ใคร่จะบอกเล่าเรื่องในเชิงกลยุทธ์สักเท่าไรครับ ประเภทว่าฝ่ายอังกฤษรับมืออย่างไร แก้เกมอย่างไร ฝ่ายเยอรมันมีกลยุทธ์อะไร ซึ่งหนังไม่ค่อยนำเสนออะไรเหล่านี้มากนัก

ไปๆ มาๆ เนื้อหาส่วนที่ดูเด่นชัดดันกลายเป็นเลิฟสตอรี่ระหว่างคู่รักนายทหาร โคลิน (Plummer) และแม็กกี้ (York) ซะมากกว่า ซึ่งก็สารภาพล่ะครับว่าระหว่างดูก็แอบงงนิดๆ ว่าไหงหนังมาเทน้ำหนักให้เรื่องรักๆ แทนที่จะจาระไนเชิงกลยุทธ์ในการสู้รบครั้งนี้ แต่ใช่ว่าประเด็นดราม่าในเรื่องจะไม่มีความน่าสนใจนะครับ อย่างน้อยผมชอบเรื่องราวของนักบินรบแอนดี้ (McShane) ที่ห่วงใยลูกเมียจนต้องกลับไปหาระหว่างรบ แล้วเรื่องราวของพวกเขาก็ถือว่าสร้างความสะเทือนได้ไม่น้อยเหมือนกัน

Untitled07060

โดยรวมแล้ว ผมถือว่าหนังมาพร้อมความยิ่งใหญ่ครับ งานสร้างถือว่าน่าพอใจ ของดีอีกอย่างคืองานดนตรีที่ฟังแล้วชวนฮึกเหิมผลงานของ Ron Goodwin ในขณะที่ส่วนของเนื้อหานั้นถือว่าโอเค แต่ก็ยังน่าสนใจได้อีก และอีกจุดหนึ่งที่ยอมรับเลยว่าดูแล้วมึนหน่อยๆ คือฉากสู้รบกลางอากาศครับ บางทีดูไม่ทันว่าเครื่องไหนยิงเครื่องไหน เครื่องไหนฝ่ายไหน และเครื่องไหนใครขับ ซึ่งก็ลดทอนความน่าติดตามลงไปพอสมควร

แต่ผมชอบบทสรุปของเรื่องครับ หลังจากที่ฝ่ายอังกฤษสามารถต่อต้านการรุกรานของเยอรมันได้แล้ว ท่านรัฐมนตรีก็ได้โทรมาหาเซอร์ฮิวจ์ ดาวดิงก์ (Olivier) บอกว่าทางเยอรมันให้ข่าวไปว่าทางอังกฤษกุตัวเลขความสูญเสียของฝ่ายเยอรมันขึ้นมามั่วๆ ทางเยอรมันไม่ได้สูญเสียมากมายหลายร้อยอย่างที่ทางอังกฤษบอกสักหน่อย

ท่านเซอร์ดาวดิงก์เลยตอบไปว่า “ผมไม่สนใจเรื่องจิตวิทยาโฆษณาชวนเชื่อครับท่าน ถ้าตัวเลขเราถูก เรื่องมันจะเงียบไปเอง แต่ถ้าตัวเลขเราผิด พวกนั้นก็คงจะบุกลอนดอนอีกภายใน 1 อาทิตย์” – แล้วก็แน่นอนว่าเยอรมันไม่ได้บุกอังกฤษใน 1 อาทิตย์ต่อมา ซึ่งเป็นการตอบคำถามดังกล่าวครับว่าสรุปตัวเลขฝ่ายไหนที่ถูกหรือผิดกันแน่

บางครั้งอะไรจริงอะไรเท็จก็ต้องดูกันยาวๆ ถึงจะเห็นครับ – อย่าด่วนสรุปจนเกินไป

หนังอำนวยการสร้างโดย Harry Saltzman ผู้อยู่เบื้องหลังหนังเจมส์ บอนด์ 007 ตั้งแต่ Dr. No จนถึง The Man with the Golden Gun และกำกับโดย Guy Hamilton ที่กำกับบอนด์ตอน Goldfinger, Diamonds Are Forever, Live and Let Die และ The Man with the Golden Gun ซึ่งในแง่งานสร้างก็ถือว่าดีครับ แต่ก็อย่างที่บอกไปว่าบทและการเล่าเรื่องยังน่าสนใจได้อีก

ก็ต้องแล้วแต่ความชอบครับ หากใครชอบหนังสงครามโลกก็อยากให้ลองลิ้มกันดู หรืออย่างน้อยก็เป็นการดูให้ครบชุด แต่หากใครไม่โอกับแนวนี้จะข้ามไปก็ได้ไม่ว่ากัน ส่วนผมนั้นจริงๆ ก็ดูเพื่อให้ครบชุดน่ะครับ แต่ถ้าว่ากันถึงความลงตัวแล้ว ผมออกจะชอบพวก The Longest Day, A Bridge Too Far และ Tora! Tora! Tora! มากกว่า

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)