Christmas Movies

A Christmas Mystery (2022) ก๊วนนักสืบรุ่นเยาว์กับโจรย่องเบาคริสต์มาส

Untitled06964

ถ้าว่ากันถึงพล็อตตั้งต้น A Christmas Mystery ถือว่าน่าสนใจครับ

เรื่องเกิดในเมืองเพลเซนต์เบย์ เมืองที่มีตำนานเกี่ยวกับกระดิ่งวิเศษที่ว่ากันว่าซานตาคลอสทิ้งเอาไว้ให้ และกระดิ่งนี้เคยให้พรกับเมืองจนเมืองพ้นวิกฤติมาได้ ทำให้กระดิ่งนี้เป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวเมืองและถูกเก็บรักษาอย่างดีที่พิพิธภัณฑ์

แต่แล้วกระดิ่งก็ถูกขโมยไปครับ และหลักฐานได้ชี้ไปที่จอร์จ บอตท่อมส์ (Drew Powell) พ่อของเคนนี่ (Santino Barnard) แต่เคนนี่มั่นใจว่าพ่อของเขาไม่ได้ทำแน่นอน เขาและเพื่อนซี้อย่างไวโอเล็ต (Violet McGraw) จึงร่วมมือกับสืบหาความจริงว่ากระดิ่งหายไป ใครกันแน่ที่เป็นคนเอาไป

จริงๆ พล็อตน่าสนใจครับ เอาหนังแนวสืบสวนแบบเด็กๆ มาผสมกับหนังคริสต์มาส ตอนต้นก็ปูเรื่องได้ไม่เลว เริ่มจากแนะนำตัวเอกอย่างไวโอเล็ต สาวน้อยที่ช่างสังเกตและเป็นนักสืบตัวจิ๋ว ตามด้วยตัวละครหลักทั้งหลายก่อนจะเข้าเรื่อง แต่ทีนี้พอหนังเข้าเรื่องแล้วกลายเป็นว่าหนังเหมือนงงทิศน่ะครับ เหมือนไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเป็นโทนแบบไหน จะเบาๆ ดี หรือจะหนักๆ ดี

คือหนังเหมือนจะมาแนวสืบสวนแบบเด็กๆ แต่โทนมันดูอึมครึมแบบหนังสืบสวนระทึกผู้ใหญ่ครับ ภาพดูทึมๆ เมืองดูทึมๆ ไม่ได้เป็นโทนสดใสแล้วก็ไม่ได้อารมณ์วันคริสต์มาส ดังนั้นใครคาดหมายหนังโทนเบาๆ สดใส ได้กลิ่นอายวันคริสต์มาสท่ามกลางการสืบสวน ก็ต้องปรับใจไว้ก่อนนะครับ

ส่วนตัวไวโอเล็ตเองตอนแรกก็เหมือนจะมีฝีมือในการสืบครับ แต่ไปๆ มาๆ ด้วยการเล่าของหนังทำให้ตัวไวโอเล็ตดูเก่งน้อยลงซะงั้น คือจริงๆ พอเข้าใจน่ะครับว่าหนังพยายามจะบอกว่าไวโอเล็ตเองแม้จะเป็นเด็กชอบสืบสวน แต่ก็มีพลาดกันได้ อันนี้เข้าใจ แต่การนำเสนอที่หนังทำมันกลายเป็นลด “แสง” ในตัวไวโอเล็ตลงน่ะครับ แทนที่จะเด่นเธอเลยยังไม่เด่นแบบเต็มๆ

ก็อย่างที่บอกครับว่าโทนหนังมันดูครึ้มๆ และกลายเป็นว่าหนังเน้นดราม่ามากกว่าที่คิด โดยเฉพาะเรื่องระหว่างแฮร์ริสัน (Leonardo Cecchi) พี่ของเคนนี้กับพ่อของเขา ซึ่งทำให้หนังมันกลายเป็นดูเครียดขึ้นกว่าที่คาด ไหนจะตอนแฮร์ริสันคุยกับแมดดี้ (Lauren Lindsey Donzis) พี่สาวไวโอเล็ตเกี่ยวกับเรื่องแม่ของเธอ คือก็เข้าใจน่ะนะครับว่าอารมณ์ของฉากนั้นอาจดูหนักหน่อยนึง แต่ด้วยความที่โทนหนังมันดูหนักในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ฉากที่ว่าเลยทำให้หนังดูหนักขึ้นไปอีก

Untitled06965

จริงๆ ผมเขียนมาถึงตรงนี้ ผมน่าจะสรุปได้ว่า ก็เพราะหนังตั้งใจจะเดินเรื่องแบบหนักๆ ดราม่าๆ ไง เขาเลยนำเสนอแบบนี้ แต่ประเด็นคือมันก็ไม่เชิงแบบนั้นครับ เพราะท่ามกลางโทนที่ดูหนักนั้น มันก็รู้สึกได้น่ะว่าเหมือนผู้กำกับไม่ได้ตั้งใจจะให้มันหนักแบบนั้น เพราะบางทีก็หนังก็มีมุกตลก มีบทพูดขำๆ หรือโทนบางจังหวะมันก็ยังมีความเป็นหนังเด็กอยู่ มันเลยให้ความรู้สึกเหมือนตัวบทน่ะมันไม่ได้ดูเข้มดูครึ้มอะไร แต่รสมือของผู้กำกับ Alex Ranarivelo น่ะคุมโทนให้มันออกมาครึ้มแบบนี้

หนังเลยดูก้ำกึ่งน่ะครับ จะคริสต์มาสก็ไม่ใช่ จะสืบสวนแบบเบาๆ ก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ใช่หนังหนักหนังเครียดอีกเหมือนกัน แต่มันมีส่วนผสมของทุกอย่างที่ผมกล่าวมานั้นอย่างละนิดละหน่อย แล้วมันก็ไม่ใคร่จะเข้ากันซะทีเดียวด้วย

ดาราถือว่าแสดงกันได้ดีครับ แต่ในแง่ความเด่นถือว่ากลางๆ อย่าง McGraw ที่มารับบทไวโอเล็ตนั้น จริงๆ คล้ายจะมาในแนวแนนซี่ ดรูว์น่ะครับ แต่ก็ด้วยการเล่าแบบที่บอกไปเลยทำให้เธอไม่ถึงกับเด่นเต็มที่ แล้วก็จะมีดาราหน้าคุ้นอย่าง Eddie Cibrian ที่เคยเล่น CSI: Miami ปี 8 อยู่หนึ่งปีเต็ม มาเรื่องนีรับบทนายอำเภอเพียร์ซ พ่อของไวโอเล็ต แล้วก็ยังมีดารารุ่นเก่า Beau Bridges มาเป็นนายกเทศมนตรี รายนี้จริงๆ แสดงดีครับ แต่บทไม่เยอะเท่านั้นเอง

สรุปว่าหนังก็ดูได้ครับ เพียงแต่อาจไม่กลมกล่อมนัก จริงๆ มันควรจะมาในโทน Nancy Drew บวกกับหนังคริสต์มาส แต่ผลที่ได้กลับไม่เชิงเป็นเช่นนั้น

สองดาวครับ

Star21

(6/10)