Catering Christmas ถือเป็นหนังโรแมนติก Feel Good แบบเต็มพิกัดครับ ดูแล้วเชื่อได้เลยว่าท่านจะเต็มไปด้วยความสุขและแฮปปี้ อย่างผมนี่ถ้ามองตัวเองระหว่างดูคงคิดว่าตัวเองเมากัญชาน่ะครับ คือยิ้มได้เรื่อยๆ ตลอดเรื่องเลย 555

เรื่องของมอลลี่ ฟรอสต์ (Merritt Patterson) นักรับจัดเลี้ยงที่ได้จัดงานให้กับมูลนิธิใหญ่ประจำเมือง ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญครับ เพราะหากเธอทำได้ดีมันก็จะเป็นผลงานชิ้นใหญ่ที่จะทำให้เธอได้รับการยอมรับมากขึ้น และอีกหลายๆ งานก็จะตามมา และการทำงานครั้งนี้ทำให้เธอได้เจอกับคาร์สัน เจค็อบ แฮร์ริสัน (Daniel Lissing) ทายาทหนุ่มของตระกูลแฮร์ริสันผู้มั่งคั่ง พอผมเล่าถึงตรงนี้ท่านก็คงเดาได้แล้วล่ะนะครับ ว่าคู่นี้ต้องได้ลงเอยกันแน่นอน

หนังโรแมนติกวันคริสต์มาสแม้จะมีสูตรที่เหมือนกัน แต่ส่วนผสมของแต่ละเรื่องก็จะต่างกันไปครับ บางเรื่องรสก็กลางๆ ดูแล้วไม่บวกไม่ลบ บางเรื่องรสชาติก็อาจจะจืดสักหน่อย เพราะส่วนผสมบางอย่างอาจจะอ่อนไป ใส่อารมณ์ขันน้อยไปนิด หรือใส่ฉากรักลงไปแต่ไม่ปรุงให้หวานกลมกล่อม ดังนั้นความอร่อยของแต่ละเรื่องก็จะต่างกันไป แม้จะใช้สูตรจากตำราเดียวกันก็ตาม

สำหรับเรื่องนี้ ผมถือว่าหนังกลมกล่อมกำลังดีครับ โอเค มันอาจไม่ได้ยอดเยี่ยมเมื่อเทียบกับหนังรักที่ฉายในโรงใหญ่ แต่ถ้าว่ากันถึงหนังรักลงจอทีวีหรือลงสตรีมมิ่ง เรื่องนี้ถือว่าตอบโจทย์ได้เหมาะ นั่นคือเคมีของคู่พระนางเข้ากัน คาแรคเตอร์ของพวกเขาค่อนข้างชัด มีมิติในแบบของตัวเอง และเวลาเข้าฉากร่วมจอกันก็สามารถสร้างความโรแมนซ์ได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ได้ดูตั้งหน้าตั้งตาจีบกันท่าเดียว

ผมชอบที่ความรักของทั้งคู่เติบโตไปพร้อมกับการทำงานร่วมกันน่ะครับ พวกเขารู้สึกถูกใจกันก็เพราะได้เห็นความน่ารักของอีกฝ่าย หรือไม่ก็ได้เห็นจุดเด่น ไดเห็นศักยภาพบางอย่าง เช่นคาร์สันได้เห็นความมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของมอลลี่ ส่วนมอลลี่ก็ได้เห็นฝีมือในการถ่ายรูป รวมถึงทักษะในปรับตัวทำความเข้าใจกับสิ่งรอบตัวของคาร์สัน – พูดง่ายๆ คือคาร์สันหัวไว ไม่ได้เป็นเพียงลูกคนรวยที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ อะไรเหล่านี้ทำให้เข้าใจได้ครับว่าทำไมพวกเขาถึงค่อยๆ รู้สึกดีต่อกัน

แล้วหนังยังมีตัวละครสมทบที่เพิ่มรสอร่อยให้กับหนังได้พอตัว ไม่ว่าจะคุณป้าจีน (Rosemary Dunsmore) ที่ต้องการมอบพันธะหน้าที่ของมูลนิธิให้กับคาร์สัน แต่ขณะเดียวกันเธอก็ยังกังขาอยู่ว่าหลานเธอคนนี้จะรับงานแบบนี้ได้ไหม หรือตัวละครอย่างโรเบิร์ต (Michael Hanrahan) ผู้ดูแลมรดกของตระกูลแฮร์ริสันที่ใส่ใจทั้งป้าจีนและคาร์สันอยู่เสมอๆ แล้วก็ยังมีคริสติน่า (Melanie Leishman) ผู้ช่วยของมอลลี่ที่ร้าน แต่ละคนต่างก็มีโมเมนต์ของตัวเอง บางจังหวะพวกเขาก็ช่วยให้เราเห็นตัวตนของพระเอกนางเอกมากขึ้น เรียกว่าเป็นบทสมทบที่โอเคครับ อาจไม่ถึงขั้นขโมยซีนหรือเด่นแบบสุดๆ แต่ก็ถือว่าใช้ได้แล้วล่ะ สำหรับหนังโรแมนติกสเกลนี้

ท่านจะชอบเรื่องนี้หรือไม่ส่วนหนึ่งก็คงขึ้นกับรสนิยมครับ อย่างผมนี่ชอบเพราะหนังมัน Feel Good ดูแล้วแจ่มใส ไม่มีอะไรมาทำให้รู้สึกลบเลย กระทั่งโมเมนต์ขัดแย้งระหว่างพระนางที่ต้องมีในหนังแนวนี้ทุกเรื่อง โมเมนต์ที่ว่าก็ไม่ได้ทำให้หนังเกิดพลังงานด้านลบแต่อย่างใด – แต่ก็อีกนั่นแหละครับ หากหลายท่านจะมองว่าหนังดูโมโนโทน มีแต่เรื่องบวกๆ เรื่องดีๆ ดูไม่มีอุปสรรคอะไรเลย จนเกิดความรู้สึกเบื่อหนัง หรือมองว่าหนังไม่สมจริง ดูแฟนตาซีเกินไป อันนี้ก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน – บอกแล้วน่ะครับว่ามันขึ้นกับรสนิยมจริงๆ

ดังนั้นก็คงต้องแล้วแต่ความชอบล่ะนะครับ เอาเป็นว่าใครอยากดูหนัง Feel Good ดูแล้วแฮปปี้ คู่พระนางมีความน่ารักและมีเสน่ห์ในแบบของตนเอง และหนังมีพลังบวกเยอะๆ ผมว่าเรื่องนี้ใช้ได้เลยครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)