
ถ้าอยากดูหนังคริสต์มาส Feel Good ที่เต็มไปด้วยพลังบวกและพล็อตแบบเล่าง่ายดูง่าย ผมว่าเรื่องนี้ I’m Glad It’s Christmas ใช้ได้เลยครับ
ผมว่าพล็อตหลักจริงๆ ของหนังคือพระเอกตามจีบนางเอกครับ โดยพระเอกนามว่าเจสัน เมอร์ฟี่ย์ (Paul Greene) ซึ่งเป็นนักแต่งเพลง ได้เจอกับโคลอี้ โบส (Jessica Lowndes) โดยบังเอิญระหว่างเดินถนน แล้วเขาก็ปิ๊งเธอแบบแรกพบครับ จากนั้นเขาก็เลยพยายามตามจีบเธอ
ในขณะที่พล็อตแวดล้อมก็คือการตามความฝันของโคลอี้ที่อยากจะไปบรอดเวย์ แล้วอีกพล็อตรองก็ว่าด้วยตัวละครที่ชื่อคอร่า ลอว์สัน (Gladys Knight) เจ้าของอาคารแถบฮอลิเดย์เลนที่เห็นว่าย่านนั้นดูเงียบเหงาลงเรื่อยๆ เลยอยากจัดงานรื่นเริงเพื่อดึงให้ผู้คนแวะเวียนกันเข้ามาเหมือนในอดีตที่ที่แถบนั้นเคยรุ่งเรือง เธอเลยทาบทามให้โคลอี้และเจสันมาร่วมแสดงในงานคอนเสิร์ตที่เธอจะจัดขึ้น
ดูหนังคริสต์มาสมาหลายเรื่อง ก็มีเรื่องนี้นี่แหละครับที่รู้สึกว่าพระเอกมีความชัดเจนในการตามชนะใจนางเอก ดูประเด็นนี้จะเด่นกว่าประเด็นอื่นๆ ซะอีก 555 แต่หนังก็น่ารักดีครับ เคมีของพระนางก็ถือว่าเข้ากันพอตัว และคาแรคเตอร์ของพวกเขาก็ดูน่าเอาใจช่วยให้ตกร่องปล่องชิ้นกันอยู่ เพราะฝ่ายชายก็เป็นคนเปี่ยมอัธยาศัยและเปี่ยมความตั้งใจเสมอยามจะทำอะไร จึงทำให้การตามจีบนางเอกของเขาเป็นอะไรที่น่าเอาใจช่วยอยู่ ส่วนนางเอกก็เป็นความมีความมุ่งมั่นไม่แพ้กัน และยังเป็นคนมีความสามารถด้วย
คือดูแล้วมันรู้สึกน่ะครับว่าถ้าคู่นี้ไปด้วยกันน่าจะดี น่าจะสร้างความเจริญให้กันและกันได้

ส่วนพล็อตรองอย่างการจัดงานคริสต์มาสของคอร่าก็มีไว้เพื่อสร้างบรรยากาศดีๆ ในวันคริสต์มาสนั่นแหละครับ ทำให้หนังเต็มไปด้วยบรรยากาศดีๆ เห็นคนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน ได้ฟังเพลงเพราะๆ และ Knight ก็ถ่ายทอดบทคอร่าออกมาได้ค่อนข้างน่ารัก เธอเป็นผู้หญิงที่มีความชัดเจน เป็นคนที่มีความสามารถใจการจูงใจและบันดาลใจคน และที่สำคัญคือแม้เธอจะอยู่ในฐานะที่ใครๆ ก็ต้องเกรงใจ แต่เธอไม่เคยใช้อำนาจนั้นเพื่อประโยชน์ของตนเอง มีแต่ช่วยเกื้อหนุนให้คนรอบตัวเธอได้รับโอกาสดีๆ – ดูเป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือคนหนึ่งน่ะครับว่างั้นเถอะ
ถือเป็นหนัง Feel Good ที่ Feel Good ได้ตั้งแต่ต้นจนจบครับ คือปกติหนังแนวนี้มักจะมีช่วงที่พระนางทะเลาะกัน ขัดแย้งกัน หรือมีตัวละครไม่น่ารักโผล่มาบ้าง แต่กับเรื่องนี้นี่ไม่มีครับ มีแต่พลังบวก มีแต่ความสุข มีแต่การสนับสนุนให้กำลังใจกันจนผมไม่แปลกใจหากใครจะมอบว่าหนังมันดูแฟนตาซีเหลือเกิน – ชีวิตอะไรมันจะราบรื่นไร้อุปสรรคได้ขนาดนั้น – ซึ่งถ้าจะมองมุมนั้น หนังก็อาจดูไม่ค่อยสมเหตุผลนักน่ะครับ
แต่ถ้ามองจากเจตนาแล้วก็เชื่อว่าคนทำคงกะให้คนดูรู้สึกบวกอย่างเดียว ไม่ต้องมีพลังลบมาเอี่ยวเลยแม้เพียงนิด
ดังนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับท่านล่ะครับ ถ้าท่านอยากเสพหนัง Feel Good แบบสุดซอย ดูแล้วมีแต่ความแฮปปี้และไร้กังวลใดๆ เรื่องนี้ก็ตอบโจทย์นั้นครับ และอยากบอกว่าผมชอบชื่อไทยมากเลยครับผม ตั้งได้ตรงกับสิ่งที่หนังเป็นมากๆ “คริสต์มาสนี้ดีต่อใจ”
สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)










