Biography

The Electrical Life of Louis Wain (2021) ชีวิตสุดโลดแล่นของหลุยส์ เวน

Untitled06720

The Electrical Life of Louis Wain นี่ดูแล้วได้กลิ่นอายคล้ายหนังของ Wes Anderson ครับ โทนเรื่องและการเล่าถือว่ามาทางเดียวกัน แต่ผู้กำกับ Will Sharpe ก็สามารถปรุงรสให้หนังมีสไตล์ในแบบของตัวเองอยู่พอตัว

นี่ไม่ใช่หนังสำหรับทุกคนครับ บอกได้เลย และนี่ไม่ใช่หนังดูเอาความบันเทิงด้วย สไตล์ของหนังจะดูอาร์ทๆ แนวๆ เล่นกับงานภาพสวยๆ แล้วก็มาพร้อมดนตรีแปลกหูที่สามารถกลมกลืนไปกับตัวหนังได้อย่างพอเหมาะ ส่วนการเดินเรื่องถือว่าค่อนข้างไวและควรต้องใช้ความตั้งใจในการรับชมพอสมควร ไม่เช่นนั้นท่านอาจพลาดบางประเด็นหรือบางอารมณ์ที่หนังตั้งใจจะสื่อได้ – ดังนั้นหนังไม่เหมาะสำหรับการเปิดดูแบบเปิดเป็นเพื่อน (ดูไปทำอย่างอื่นไป) สักเท่าไรครับ

หนังถือว่าอยู่ในแนวดราม่าครับ บอกเล่าชีวประวัติของหลุยส์ เวน (Benedict Cumberbatch) ศิลปินชาวอังกฤษผู้มีผลงานที่โลกจำคือการวาดภาพแมวออกมาในลีลาที่ไม่เหมือนใคร หนังก็เล่าให้เรารู้จักกับตัวเขาและคนในครอบครัว จากนั้นเขาก็ได้เจอกับคู่ชีวิตอย่างเอมิลี่ (Claire Foy) ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจที่แสนสำคัญของเขา

ออกตัวเลยว่าผมไม่ใช่ทาสแมวครับ แต่ภาพของหลุยส์ เวน มีความน่าสนใจจริงๆ ภาพแมวที่เขาวาดนั้นมีเอกลักษณ์ มีพลัง พวกมันดูมีชีวิตและมีคาแรคเตอร์เฉพาะตัว หลังจากดูหนังจบนี่ผมต้องไล่ Search หาภาพของเขามาดูเพิ่มเลยครับ เพราะภาพสวยจริง มีสไตล์เด่นจริง และยิ่งมาตระหนักว่าผลงานของเขานี่เขียนขึ้นเมื่อ 100 กว่าปีก่อนมันยิ่งทำให้ทึ่งครับ ว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้วนี่คนวาดภาพแมวได้สารพัดมุมมองขนาดนี้เชียวหรือ แล้วบางภาพยังล้ำยุคอีกต่างหาก ทึ่งครับ บอกได้เลยว่าทึ่งเขาจริงๆ อยากจะคารวะเลยล่ะ

ดาราแต่ละรายก็ทำหน้าที่ได้ดีครับ แสดงได้พอเหมาะกับสไตล์ของหนังที่ไม่ใช่ดราม่าจ๋า แต่เป็นดราม่าพร้อมสไตล์สายอาร์ท ทุกคนล้วนน่าจดจำไม่ว่าจะตัวหลักอย่าง Cumberbatch, Foy หรือ Andrea Riseborough ในบทแคโรไลน์น้องสาวของหลุยส์ รวมถึงบทสมทบอย่างน้องๆ ของหลุยส์คนอื่นๆ แต่ละคนก็มีโมเมนต์ของตัวเอง หรือไม่ก็ช่วยเสริมบางโมเมนต์ให้กับเหล่าตัวเอกได้อย่างดี

และแม้ว่าหนังจะไม่ได้เล่าแบบดราม่าที่ลงลึกในเชิงอารมณ์ความรู้สึก แต่หนังก็สามารถสื่ออารมณ์อันหลากหลายของหลุยส์ได้ดีครับ อันนี้ต้องชมทั้งการแสดงของ Cumberbatch และการเล่าของ Sharpe เพราะการเล่าสไตล์นี้นี่ถ้าโฟกัสผิดจุดล่ะก็ หนังจะกลายเป็นดูโล่งโถงหรือดูไม่มีเหตุผลเอาได้ง่ายๆ เลยครับ

Untitled06722

สิ่งที่ชนะใจผมมากๆ คืองานภาพครับ ถ่ายออกมาได้สวยมาก บางฉากนี่คือตั้งใจเนรมิตออกมาให้เป็นดั่งภาพวาด ซึ่งดูสวยจริงครับ ดังนั้นบอกได้เลยว่าใครชอบเรื่องงานภาพแบบอาร์ทๆ หรือถูกจริตกับหนังสไตล์ Wes Anderson ผมอยากให้ท่านได้มีโอกาสลองเรื่องนี้สักครั้งคราครับ

สำหรับตัวหนังนั้นถือว่าทำสำเร็จครับ ในการนำพาเราไปรู้จักกับช่วงต่างๆ ของชีวิตหลุยส์ เวน ที่มีทั้งช่วงเวลาดีๆ และช่วงเวลาอันหม่นหมอง แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้รู้จักเขาแบบลึกซึ้งมากมายก็ตาม แต่ผมว่าหนังทำให้เราสัมผัสชีวิตเขาและความเป็นเขาได้ไม่น้อยเหมือนกัน

และแง่คิดหนึ่งที่ผมชอบคือ หากเราต้องตกอยู่ในภาวะเศร้า ภาวะอึมครึม หรือผ่านความเจ็บปวด ชอกช้ำ หรือสูญเสียอะไรมา เราไม่ควรอยู่เฉยๆ ครับ ไม่งั้นเดี๋ยวหัวมันจะฟุ้งซ่าน เดี๋ยวใจมันจะลอยไปไกล เราควรหาอะไรทำเพื่อยึดตัวเราไว้กับพื้นโลก หาหลักอะไรสักอย่างให้ชีวิตเราได้มีที่เกาะ แน่นอนว่ามันอาจไม่ได้ช่วยให้เราสบายใจหรือหายเศร้าได้ในทันที แต่มันจะค่อยๆ ช่วยเราในระยะยาวครับ

ถือเป็นหนังอาร์ทๆ เกี่ยวกับอาร์ทที่ทำออกมาได้ดีเรื่องหนึ่งครับ ใครชอบแนวนี้หรือชอบพี่ Benedict ก็อยากให้ตามมาดูกัน – มันอาจไม่ได้เจ๋งสุดยอดน่ะนะครับ แต่ก็ถือว่าอยู่ในข่ายดี เป็นหนังที่มีคุณภาพน่าพอใจ และสำหรับผมแล้ว หนังยังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผมได้พอสมควรเลยครับ ดูแล้วมันได้ไอเดีย พร้อมทั้งได้พลังเชิงบวกบางประการเข้าสู่ตัวเราด้วย

และผมอยากให้ท่านที่รู้สึกว่าชีวิตตัวเองแย่ หรือกำลังรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง มาลองดูหนังเรื่องนี้ครับ – ไม่ใช่ให้ดูเพื่อเปรียบเทียบว่าระหว่างชีวิตเรากับชีวิตหลุยส์นั้นใครแย่กว่าใครนะครับ แต่อยากให้ท่านดูเพื่อรับรู้เรื่องราวของหลุยส์ เวน ว่าแม้จะมีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นในชีวิต แม้จิตใจเขาจะปั่นป่วนสับสน แต่อะไรที่ยังทำให้เขาสามารถประคองตัวเองให้เดินต่อได้ – หนังอาจนำมาซึ่งคำตอบสำหรับบางคำถามในใจของท่านก็ได้นะครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

Untitled06721