ซีรี่ส์แนะนำแบบสุดๆ Highly Recommended

All Creatures Great and Small Season 1 – 3 (2021 – 2023) ออล ครีเอเจอร์ส เกรท แอนด์ สมอล ปี 1 – 3

รับ Untitled06623

All Creatures Great and Small เป็นซีรี่ส์ที่ผมอยากเอามาแนะนำมากๆ ครับ เพราะดูแล้วโดนใจอย่างแรง แต่ที่บอกว่าโดนใจนี่ได้ไม่แปลว่าซีรี่ส์เข้มข้น เร้าใจ หวือหวาหรือเต็มไปด้วยความพลิกผันนะครับ ที่โดนน่ะ โดนเพราะความเรียบง่ายครับ เป็นซีรี่ส์ที่เรียบง่าย อบอุ่น เดินเรื่องแบบเนิ่บๆ แต่ได้อารมณ์ กินใจแบบลึกๆ อิ่มเอมแบบค่อยเป็นค่อยไป – ดูแล้วผ่อนคลายจิตใจได้เป็นอย่างดี

All Creatures Great and Small นั้นเป็นหนังสือครับ เขียนโดย James Alfred Wight ภายใต้นามปากกา James Herriot ซึ่งเชื่อว่าคอหนังสือหลายท่านน่าจะรู้จักเพราะงานของเขานี่สำนักพิมพ์ผีเสื้อเอามาแปลอยู่หลายเล่มเช่น หมอหัวเราะ (The Lord God Made them All), หมออารมณ์ดี (Every Living Thing) และ หมาสารพัด (Dog Stories) เป็นต้นครับ

สำหรับตัวซีรี่ส์ก็จะเป็นเรื่องของเจมส์ เฮอร์เรียต (Nicholas Ralph) สัตวแพทย์หนุ่มมือใหม่ที่ได้ไปทำงานกับคุณหมอซิกฟรีด ฟาร์นอน (Samuel West) ในคลินิกแถบยอร์กเชียร์ เดลส์ (Yorkshire Dales) โดยแต่ละตอนพวกเขาก็ต้องคอยรักษาสัตว์น้อยใหญ่ให้ชาวเมืองและชาวไร่แถบนั้น ระหว่างนั้นพวกเขาก็ต้องปรับตัวเข้าหากันครับ เพราะบางทีวิถีของซิกฟรีดกับเจมส์ก็ไม่ได้ไปในทางเดียวกัน

นอกจากนั้นก็จะมีตัวละครแวดล้อมมาเสริมเรื่องราวอย่างคุณนายฮอลล์ (Anna Madeley) แม่บ้านประจำคลินิกที่คอยดูแลทุกเรื่องในบ้าน ตั้งแต่เรื่องอาหารการกินเรื่อยไปจนถึงเรื่องสายสัมพันธ์ภายในบ้าน, ทริสแทน (Callum Woodhouse) น้องชายของซิกฟรีดที่ออกแนวเพลย์บอยหนุ่มผู้รักความสำราญ และบางทีก็สร้างเรื่องวุ่นวายให้ซิกฟรีด และเฮเลน (Rachel Shenton) สาวชาวไร่ผู้น่ารัก ที่ทำให้หัวใจของเจมส์เต้นไม่เป็นสรรพทุกครั้งที่พบเจอ

ถ้าให้เปรียบซีรี่ส์นี้กับอะไรสักอย่าง ผมคงเปรียบได้กับศาลาพักใจที่มีสายลมเย็นๆ พัดเอื่อยๆ ล้อมรอบด้วยท้องทุ่งอันเขียวชอุ่ม อาจมีเสียงลมพัดมา หรือเสียงนกร้องอยู่ไกลๆ หรือไม่ก็เสียงสายน้ำไหล ฟังแล้วชวนให้ใจสดชื่นร่มรื่นใจ

ภรรยาผมก็ติดซีรี่ส์นี้ครับ ถึงขั้นว่าตอนที่ผมเปิดดูต่อกัน ถ้าวันไหนไม่ได้ดูก็จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ในแง่หนึ่งซีรี่ส์นี่ก็ให้อารมณ์เหมือนเพื่อนน่ะครับ ดูไปก็คุ้นเคยกับตัวละครไป แล้วบางทีเราก็จะอดไม่ได้ที่จะห่วงใยสารทุกข์สุกดิบของพวกเขา หรือไม่ก็จะอยากรู้ว่าตอนนี้ชีวิตเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

Untitled06624

อีกหนึ่งความเห็นของภรรยาผมก็คือ คนที่อยากเป็นสัตวแพทย์ควรได้ลองชมซีรี่ส์นี้ครับ เพราะมันบอกเล่าวิถีชีวิตของคนเป็นสัตวแพทย์แบบเต็มๆ ซึ่งพวกเขาไม่ได้ทำงานแค่รักษาสัตว์เท่านั้น แต่เขายังต้องพร้อมรับความรู้สึกหรือความคาดหวังจากเจ้าของสัตว์ด้วย บางคนก็มีรายละเอียดเยอะ บางคนก็มีข้อจำกัดเยอะ ก็ต้องพร้อมที่จะเข้าใจความแตกต่างอันหลากหลายของคน

บางครั้งคนเป็นหมอก็ต้องตัดสินใจเลือกทางที่ดีที่สุด แต่คนเป็นเจ้าของสัตว์อาจไม่เห็นด้วย หรือไม่เข้าใจเหตุผล เราก็ต้องสื่อสารให้เขาเข้าใจครับ ดังนั้นแล้วการเป็นหมอรักษาสัตว์ ในทางหนึ่งก็ต้องพร้อมที่จะรักษาจิตใจของคนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์นั้นๆ ด้วยเช่นกัน

ดาราในเรื่องเล่นกันได้อย่างพอเหมาะครับ ตามสไตล์ซีรี่ส์อังกฤษน่ะแหละ Ralph ดูเป็นหนุ่มที่มุ่งมั่น มีความซื่อสัตย์จนน่าชื่นชม ส่วน West ที่มาเป็นซิกฟรีดนั้นตอนแรกผมว่าผมคุ้นหน้าเขามากๆ เลย แต่ยังนึกไม่ออกว่าคุ้นมาจากไหน จนกระทั่งไปค้นถึงจำได้ว่าเขาเคยแสดงเป็นวิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ใน Van Helsing ใช่ครับ ที่โผล่ตอนต้นเรื่องนิดเดียวนั่นแหละ แต่ผมว่าเขาแสดงได้ดีนะ ครั้นมาเรื่องนี้เขาก็สวมวิญญาณซิกฟรีดได้ดีมากๆ อีกเช่นกัน ดูเป็นคนถือตัว แต่ไม่ถือดี เรียกว่ามีความน่ารักในแบบของตัวเอง

Woodhouse ก็ดูเข้ามากๆ กับบททริสแทนครับ ดูเป็นคนทะเล้นเพลย์บอย ที่ตอนแรกอาจดูไม่เป็นโล้เป็นพาย แต่พอเวลาผ่านไปเขาก็ทำให้เราเชื่อครับว่าตัวละครนี้รู้จักเรียนรู้ รู้จักปรับปรุงตน ผมว่าเขาเป็นแบบอย่างที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยนะครับในเรื่องการพัฒนาตนเองน่ะ, Madeley กับบทคุณนายฮอลล์ ซึ่งผมว่าบทแบบนี้เล่นยากนะครับ คาแรคเตอร์ของเธอคือ เธอจะเป็นคนที่ไม่ชอบแสดงออก แต่ขณะเดียวกันใครๆ ก็จะดูออกว่าเธอนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ในใจ เนี่ยครับ ไม่แสดงออกแต่สามารถสื่อออกมาให้เราสัมผัสได้ ผมว่าเธอเล่นเก่งทีเดียวครับ ส่วน Shenton ก็ดูน่ารัก มีชีวิตชีวา (แบบบ้านๆ) ดูแล้วเชื่อว่าจะทำให้เจมส์หัวใจสั่นไหวได้ยามพบเจอ

ส่วนเนื้อเรื่องก็อย่างที่บอกว่ามันไม่ได้หวือหวาท่ายากอะไร มันคือการบอกเล่าชีวิตสัตวแพทย์ในชนบท ซึ่งความน่าติดตามไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาที่เข้มข้น แต่อยู่ที่การปฏิบัติต่อกันระหว่างคน การช่วยเหลือกัน การมอบความปรารถนาดีให้กัน หรือการสร้างความเข้าใจต่อกัน – นี่แหละครับซีรี่ส์ดราม่าแท้ๆ ที่บอกเล่าชีวิตธรรมดาๆ ของตน แต่ที่ขอยกนิ้วให้คือ เป็นการบอกเล่าที่กลมกล่อม พอเหมาะ สนุกตามวิถีอันเรียบง่ายของเรื่องราว

ซีรี่ส์นี้น่าติดตามตั้งแต่ปีแรกเลยครับ แน่นอนว่าตอนแรกของปีแรกท่านอาจต้องปรับตัวปรับใจรับกับความเรียบง่ายของเรื่องราว ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ก็น่าจะรู้สึกเบื่อครับ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก คนเราชอบ-ไม่ชอบต่างกันได้เสมอ แต่ผมอยากแนะนำเลยครับสำหรับคนที่ชอบเรื่องราวแนวชีวิต นี่คือซีรี่ส์น้ำดีชั้นดีที่ควรค่าแก่การรับชม

Untitled06625

2 ปีแรกถือว่ากลมกล่อมอร่อยกำลังดี ดูแล้วแฮปปี้มีความสุข ในขณะที่ปี 3 นั้นทิศทางเรื่องอาจมีความเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ถ้าให้ว่าคร่าวๆ ผมมองว่า 2 ปีแรกซีรี่ส์จะเน้นการเล่าเรื่องมิตรภาพที่ค่อยๆ ก่อตัวระหว่างเจมส์กับคนในคลินิกฟาร์นอน ซึ่งมันเป็นความอบอุ่นกรุ่นไมตรีครับ อย่างฉากหนึ่งที่เจมส์ต้องพบกับความผิดหวังขณะที่ใครๆ กำลังสังสรรค์อยู่ในบาร์ พอเจมส์รู้สึกทนอยู่ตรงนั้นไม่ไหวเขาก็เลือกที่จะเดินออกมาเพียงลำพัง

แต่กลายเป็นว่าสมาชิกของคลินิกฟาร์นอนที่อยู่ในบาร์ต่างก็สังเกตเห็นความผิดปกติของเจมส์ครับ พวกเขาเลยทยอยกันออกมานอกบาร์ มาสมทบตบบ่าปลอบใจเจมส์ ก่อนที่พวกเขาจะเดินกลับคลินิกร่วมกัน ฉากที่ว่านี่บอกได้เลยว่าโคตรจะอบอุ่น โคตรจะน่ารัก โคตรจะกินใจ เป็นหนึ่งในฉากที่ผมรักมากๆ ของซีรี่ส์ชุดนี้เลยทีเดียว

ส่วนปี 3 นั้นไมตรีระหว่างพวกเขาก็ยังอยู่ครับ เพียงแต่ซีรี่ส์เลือกที่จะเล่าเรื่องราวของแต่ละคนแบบแยกกันไป เพราะแต่ละคนก็มีเรื่องของตน เราเลยจะได้เห็นการร่วมจอของพวกเขาน้อยลง อย่างเจมส์นี่ค่อนข้างจะไปใช้เวลากับเฮเลนมากขึ้น หรือทริสแทนก็เริ่มจะมีใจให้สาวคนหนึ่ง อารมณ์ของปี 3 เลยออกจะต่างกัน 2 ปีแรกอยู่หน่อย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแย่นะครับ การเล่าเรื่องก็ยังดีอยู่นั่นแหละ เพียงแต่ต้องปรับใจปรับทิศสักนิด แล้วเดี๋ยวใจเราก็จะจูนติดกับซีรี่ส์ได้เองครับ

ปี 3 นี่ฉากที่พีคสุดคงหนีไม่พ้นเรื่องราวระหว่างคุณนายฮอลล์กับลูกชายของเธอ ที่หนังเกริ่นถึงเรื่องนี้มานานตั้งแต่ปีแรก ซึ่งฉากที่ว่านี่เชื่อว่าต้องมีคนน้ำตาไหลครับ เป็นอะไรที่พีคมากจริงๆ กินใจเต็มพิกัดกันไปเลย

จุดที่ผมชอบอีกอย่างคือตัวละครทุกคนมีพัฒนาการครับ พวกเขาเติบโตขึ้น เรียนรู้ชีวิตมากขึ้น โดยเฉพาะทริสแทนนี่เขาจะดูโตขึ้นแบบชัดเจนในปีหลังๆ อะไรเหล่านี้ทำให้เรารู้สึกน่ะครับว่าพวกเขามีเลือดมีเนื้อและมีตัวตนจริงๆ อย่างน้อยก็ในหัวใจของเรา

ผมดูถึงปี 3 ครับ แต่ตอนนี้ปี 4 ก็ออกฉายในอังกฤษแล้ว ได้ข่าวว่ายังคงยอดเยี่ยมเช่นเดิม ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่ในเวลานี้ขอย้ำเลยครับว่านี่คือซีรี่ส์แนว Feel Good ที่อบอุ่นกินใจครับ อยากให้ทุกท่านได้ลองชมกัน ผมมีความสุขที่ได้ชม เลยอยากนำมาแบ่งปันกับทุกท่านด้วย – ความยาวแต่ละปีก็ไม่เยอะครับ มีปีละ 7 ตอน (เป็นตอนธรรมดา 6 ตอน และตอนคริสต์มาสอีก 1 ตอน) ดูได้แบบสบายๆ ไม่ใช้เวลามากด้วย

ณ จุดนี้ สำหรับสามปีแรก ผมให้สี่ดาวเต็มครับ

Star41

(9/10)

Untitled06626