Action

ศึกล้างเจ้ายุทธจักร (1977) Death Duel

Untitled06525

ศึกล้างเจ้ายุทธจักร หรือ Death Duel ดัดแปลงจากนิยายเรื่อง “ซาเสียวเอี้ย” ของมังกรโบราณโก้วเล้งครับ เปิดเรื่องมาหนังก็แนะนำให้เรารู้จักกับเยี่ยสือซัน (หลิงหยุน, Ling Yun) หรืออี้จับซา มือกระบี่ที่ท้าประลองกับจอมยุทธทั่วหล้า แต่ยังมีอีกหนึ่งจอมยุทธที่ได้ชื่อว่าเป็นยอดฝีมือระดับไร้เทียมทานนั่นคือคุณชายสาม เซี่ยเสี่ยวฟง (เอ๋อตงเซิน, Tung-Shing Yee) หรือเจี่ยเฮียวฮง แห่งสำนักกระบี่เทวะ

ครั้นเมื่อเยี่ยสือซันเดินทางไปที่สำนักหมายจะท้าประลอง กลับพบว่าคุณชายสามได้เสียชีวิตไปแล้ว

ทว่าในความจริง คุณชายสามหาได้เสียชีวิตไม่ แต่เพราะเขาเบื่อหน่ายการเข่นฆ่า ระอากับชื่อเสียงของตนที่นำพาเรื่องมาให้มากมายไม่จบสิ้น เขาเลยปลอมตนเป็นอาจิ๊ผู้ไม่เอาถ่าน (หรืออากิกที่ใช้ไม่ได้) แฝงตัวในหมู่ชาวบ้านด้วยความหวังว่าจะทำให้เขาหนีพ้นจากเรื่องวุ่นวายของยุทธภพ

แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ไม่สามารถหนีชื่อเสียงของตนเองพ้นครับ ในที่สุดโชคชะตาก็นำพาเขาไปพบกับการเข่นฆ่าอีกครั้ง และแน่นอนว่าสุดท้ายปลายทางเขาและเยี่ยสือซันก็จะได้ประลองกันให้รู้แพ้ชนะ

เรื่องนี้ถือเป็นหนังคลาสสิกอีกเรื่องครับ ซึ่งหากมองดูจากสายตาของคนรุ่นใหม่แล้ว หนังอาจมีความเชยบ้างในบางบริบท และฉากต่อสู้ประมือฟันกระบี่ก็อาจจะไม่ได้ช้งเช้งฉับไวหรือเปี่ยมลีลาเท่าหนังจอมยุทธสมัยใหม่ ว่าง่ายๆ คือยังบู๊แบบดูเป็นสเต็ปอยู่น่ะครับ ซึ่งบอกตามตรงว่าผมก็รู้สึกแบบนั้นเหมือนกัน – ในช่วงต้นๆ ของหนังยังไม่ดึงดูดผมแบบเต็มที่ แต่ก็ต้องยอมรับครับว่าดาราแต่ละคนแสดงกันได้ดี นอกจากที่ผมเอ่ยไปแล้วก็ยังมีตัวละครอย่าง มู่หยงชิวตี้ (เฉินผิง, Ping Chen) สตรีที่เข้ามาพัวพันในเรื่องนี้อย่างมีจุดประสงค์ และเสี่ยวหลี (หวีอันอัน, On-On Yu) สตรีอีกหนึ่งนางที่กุมหัวใจของคุณชายสามเอาไว้

แล้วก็ยังมี เดวิด เจียง, ฉีเส้าเฉียน, หยวนหัว, ตี้หลุง และกู้กวนจง โผล่กันมาคนละมากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็ถือเป็นสีสันสำหรับคนดูหนังรุ่นใหม่ที่ได้เห็นหน้าสมัยยังละอ่อนของเหล่าดาราที่ในตอนนี้ถือว่าเป็นระดับตำนาน

ช่วงต้นๆ ถือว่าเรื่อยๆ ครับ เป็นการนำเสนอให้เราได้เห็นชีวิตของคุณชายสามที่พยายามหลบซ่อนจากชื่อเสียงของตน แล้วกลายเป็นคนไม่เอาถ่านอย่างอากิก ก่อนที่หนังจะบอกกับเราให้ตระหนักว่า คนเรานั้นหนีจากตนเองไม่ได้หรอก ไม่ว่าจะอย่างไรตัวตนของเราหรือสิ่งที่เราทำในอดีตก็จะตามเราจนเจอ เราต้องเผชิญกับมันไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นแล้วสู้เรากล้าเผชิญหน้ากับความจริงไป อาจเป็นอะไรที่เหมาะควรกว่า

Death Duel (1977, Hong Kong) aka San shao ye de jian 

Directed by Yuen Chor

สำหรับผมแล้ว ความน่าติดตามจริงๆ ของหนังเริ่มต้นในช่วงครึ่งหลังครับ เมื่อคุณชายสามเดินทางไปถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง ที่นั่นมีทั้งจอมยุทธและบัณฑิตนั่งกันอยู่หลายท่าน แล้วคุณชายสามก็เดินไปถามบัณฑิตว่า “หากท่านจะต้องตายในวันพรุ่งนี้ ท่านจะทำอย่างไร?” บัณฑิตก็วางท่าทรงภูมิก่อนจะตอบว่า “ข้าก็จะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย และตายอย่างเงียบๆ” ก็เป็นการตอบแบบหล่อๆ นั่นแหละครับ

แต่แล้วคุณชายสามก็วางท่าข่มขู่หมายเอาชีวิตและเค้นถามไปอีกครั้งว่า “คำตอบจากใจจริงของเจ้าน่ะ คืออะไร?” – บัณฑิตที่ตกใจกลัวก็โพล่งออกมาเลยว่า “ใจจริงน่ะ ข้าอยากเที่ยวผู้หญิง… อยากเที่ยวผู้หญิงมากๆ แล้วก็จะไปเล่นพนันที่บ่อน เล่นให้มันสะใจไปเลย”

แล้วจากนั้นคำถามที่ว่าก็ไปถึงลูกสาวเจ้าของโรงเตี๊ยมที่ได้ชื่อว่าเป็นกุลสตรี ครองตัวครองตนไม่ข้องแวะกับชายใดหลังจากคนรักของตนตายจากไป จนได้ป้ายประกาศเกียรติคุณมาวางไว้หน้าบ้าน – แต่แล้วนางก็ตอบจากใจจริงว่า นางไม่ได้อยากได้ป้าย ไม่ได้อยากได้ชื่อเสียง แต่อยากได้ผู้ชายสักคน “เพราะนั่นคือความสุขที่สุดของผู้หญิงไม่ใช่หรือ? ข้าไม่ได้อยากครองตัวแบบนี้”

เหล่านี้เป็นคำถามที่สะท้อนความจริงได้อย่างน่าสนใจ

อีกฉากที่ชอบคือตอนที่คุณชายสามได้พบกับชายอีกคนหนึ่งที่ริมทะเลสาบม่อโถว หลังจากสนทนาไประยะหนึ่ง ชายผู้นั้นก็ชงชาหนึ่งถ้วยให้คุณชายสามดื่ม

เมื่อคุณชายสามถือถ้วยชาไว้ในมือ จึงเอ่ยถามว่า “แล้วท่านล่ะ?” ชายผู้นั้นตอบว่า “ข้าไม่ดื่ม”

คุณชายสามถามต่อว่า “ทำไมล่ะ?”

“คนที่ชงน้ำชา ไม่จำเป็นต้องดื่มชา สรรพสิ่งในหล้าหลายอย่างที่เป็นเช่นนี้” ชายผู้นั้นตอบ – ผมชอบประโยคอะไรแบบนี้ครับ และคงเพราะแบบนั้นผมถึงชอบอ่านนิยายของโก้วเล้ง

Untitled06527

ดังนั้นการจะดูหนังเรื่องนี้ให้ออกรส อย่างแรกคือต้องปรับก่อนครับ โดยเฉพาะถ้าเราคุ้นเคยกับหนังจอมยุทธรุ่นใหม่ที่ถึงพร้อมกว่าในเรื่องคิวบู๊ที่ดูหนักแน่นพลิ้วไหวกว่า ก็ต้องบอกกับตัวเองว่านี่คือหนังยุค 70 หลายอย่างหากจะดูเชื่องช้า หากจะดูเรื่อยๆ ไปบ้างก็เป็นธรรมดา แต่ขอให้ท่านใส่ใจที่เนื้อหาและสาระที่หนังพยายามสื่อบอกกับเรา – และนี่คือส่วนหนึ่งที่ผมได้จากหนังเรื่องนี้

“คนเราเมื่ออยู่ในยุทธภพ ไม่เป็นตัวของตัวเอง”
“บางครั้งการจะเป็นหนึ่งในใต้หล้า อาจต้องเป็นคนบ้าที่บ้ามากพอ”
“เมื่อคำตอบถูกจำกัดเพียง “ชนะหรือแพ้” ทางเลือกในชีวิตก็จะถูกจำกัดเช่นกัน”

ผมโอเคกับหนังในระดับหนึ่งครับ แต่ยอมรับว่าผมออกจะชอบฉบับใหม่มากกว่า – ใช่ครับ หนังเรื่องนี้ถูกนำไปสร้างใหม่อีกหนโดยเอ๋อตงเซินผู้รับบทคุณชายสามในฉบับนี้ได้ผันตัวมาเป็นผู้กำกับ และหนังเรื่องนั้นก็คือ Sword Master หรือชื่อไทยว่า “ดาบปราบเทวดา

แต่ก็ถือเป็นหนังกำลังภายในยุคเก่าที่ควรค่าแก่การรับชมครับ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)