Adventure

Tommy Boy (1995) ทอมมี่ บอย ลูกพ่อก็คนเก่ง

Untitled06025

Tommy Boy ถือเป็นผลงานแจ้งเกิดเรื่องสำคัญของดาราตลกร่างท้วมจากสำนัก Saturday Night Live อย่าง Chris Farley ครับ ซึ่งก็บอกตรงๆ ว่ายังรู้สึกเสียดายนายคนนี้อยู่ไม่หาย เพราะแม้จะได้เกิดเต็มตัวจากหนังเรื่องนี้ แต่เพียง 2 ปีหลังจากนั้นเขาก็จากโลกนี้ไป (อันเนื่องมาจากยาเสพติดน่ะครับ)

Farley รับบท ทอมมี่ ลูกชายคนเดียวของบิ๊กทอม (Brian Dennehy) เจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ชื่อดัง ซึ่งบิ๊กทอมด่วนจากโลกนี้ไปก่อนครับ ทำให้ทอมมี่ต้องทำทุกอย่างเพื่อปกป้องโรงงาน ก่อนมันจะโดนขายต่อให้กับผู้ซื้อรายใหญ่อย่างซาลินสกี้ (Dan Aykroyd)

พล็อตเรื่องมาในสไตล์หนังของ Adam Sandler ครับ ตัวเอกเป็นพวกต๊องๆ มองโลกแง่ดี ดูไม่ค่อยเป็นโล้เป็นพาย แล้วก็มีลูกบ้าเป็นพักๆ ซึ่ง Farley ก็แสดงบทนี้ในแนวทางของตัวเองได้ค่อนข้างน่ารักครับ แล้วที่สำคัญเลยคือเขาได้ประกบคู่กับดาราตลกจากสำนักเดียวกันอย่าง David Spade รายนี้รับบทริชาร์ด เป็นเพื่อนที่คอยช่วยประคองทอมมี่ให้ทำงานลุล่วง ซึ่งลีลาของ Spade เข้ากับ Farley อย่างพอดีครับ เพราะ Farley ออกแนวต๊องๆ บ้าๆ ใช่ไหมฮะ ส่วน Spade นี่มาแนวนิ่งๆ ตลกหน้าตาย ดูมีสติอยู่บ้าง และชอบพูดเสียดสีประชดการกระทำของทอมมี่ ซึ่งมันกลายเป็นความลงตัวแบบพอดีครับ Farley ก็บ้ากันไป Spade ก็จิกกัดหลอกด่าไปเรื่อยๆ มันเข้ากันดีจริงๆ

ตัวหนังนั้นจัดว่าดูได้เพลินๆ ครับ ฮาใช้ได้ คลายเครียดดี ที่ผมชอบอย่างหนึ่งคือแม้ตัวละครหลักของหนังจะออกแนวต๊องๆ บ๊องๆ แต่หนังก็ไม่ได้บ้าจนหลุดโลก เท้ายังติดดันยืนอยู่ในโลกความจริง ที่สำคัญคือหนังอาจมีมุกห่ามๆ มุกผู้ใหญ่ๆ หรือมุกลามกอยู่บ้าง แต่มันไม่เกินงามครับ ไม่ล้ำเส้น ถือว่าอยู่ในระดับที่พอดี ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่าจุดนี้สำคัญนะ เพราะระดับความเรตของมุกก็มีผลต่อภาพลักษณ์ของตัวละครเหมือนกัน ถ้ามุกมันเกินไปก็จะไปลดทอนความน่ารักของตัวละครได้ ซึ่งถือว่าดีครับที่หนังไม่เลือกที่จะล้ำเส้นแบบที่หนังหลายๆ เรื่องทำ

หนังกำกับโดย Peter Segal ซึ่งรายนี้ก็อย่างที่ผมเคยบอกครับ หนังจะสนุกหรือไม่ขึ้นกับดารากับบทหนัง หาก 2 อย่างนี้ไปกันได้ หนังก็จะออกมาโอเค ว่าง่ายๆ คือ Segal นั้นอาจไม่ใช่ผู้กำกับที่มีลายเซ็นต์เด่นชัดครับ ลูกเล่นลีลาเฉพาะตัวอาจไม่เยอะ พี่แกทำหนังตามวัตถุดิบที่มี มีเท่าไรก็ใส่ไปตามนั้น ไม่ปรุงเพิ่ม ไม่เล่นท่ายาก ซึ่งผมมองว่าแบบนี้ก็ยังถือว่าดีน่ะนะครับ เพราะโลกนี้มีผู้กำกับที่สามารถทำให้หนังเลอะเทอะเละเทะได้ ทั้งๆ ที่วัตถุดิบอยู่ในขั้นดีแท้ๆ ดังนั้นการที่ผลงาน Segal มักออกมาประมาณนี้ อาจไม่ดีเด่มากมาย แต่อย่างน้อยเขาก็ทำให้บทหนังที่มี ออกมาเข้าท่าไม่เละเทะ – ผมมองว่าก็ยังถือว่าดีน่ะครับแบบนี้

ครับ หนังสนุกดี ดูเพลินดี หลายคนยกให้นี่เป็นหนังที่สนุกที่สุดของ Farley และ Spade ซึ่งผมก็เห็นด้วยนะ เพียงแต่ก็ต้องออกตัวครับว่าแม้ผมจะเพลินและสนุกกับหนัง แต่ก็ยังไม่ถึงกับชอบมากนัก ถ้าถามว่าเพราะอะไร ก็ตอบได้ว่าคงเพราะหนังยังขาดบางสิ่งน่ะครับ อย่างเช่นมิติตัวละคร หรือความอ่อนโยนน่ารักบางอย่าง เพราะเท่าที่เป็นนี่คือตัวละครดูขำจริง ตลกจริง แต่มันก็ออกจะดูแบนราบไปนิด ซึ่งจริงๆ ก็ไม่แปลกครับ เพราะหนังยุคแรกๆ ของ Adam Sandler ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน คือเน้นขำเน้นห่ามแต่ไม่เน้นอารมณ์ ต้องรอจนถึงรุ่น The Wedding Singer น่ะครับถึงจะมีอะไรอบอุ่นๆ มาเพิ่มความน่ารักให้กับเรื่องราว

ก็เพราะแบบนี้แหละครับผมถึงรู้สึกเสียดาย เพราะแสงในตัว Farley นั้นถือว่าเพิ่งเริ่มได้ฉายเท่านั้นเอง ถ้าเขาไม่ด่วนจากไปก่อนนี่ก็ไม่แน่นะครับ งานชิ้นหลังๆ ของเขาอาจมีอะไรมากกว่านี้ก็ได้

Untitled06026

หนังมีเกร็ดที่น่าสนใจหลายอย่างเลยครับ อย่างแรกก็คือ Rob Lowe ที่มาแสดงเป็นพี่คนใหม่ทอมมี่นั้น ชื่อของเขาไม่ได้ปรากฏในเครดิตครับ ซึ่ง Lowe ตั้งใจจะให้การปรากฏตัวของเขาเป็นเซอร์ไพรส์ของหนัง ประมาณว่าคนดูไม่รู้มาก่อนว่าเขาแสดงด้วย ซึ่งการที่เขามาแสดงนั้นก็เพราะเขากับ Lorne Michaels (ผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้) ไปเล่นเทนนิสด้วยกันครับ แล้ว Michaels ก็เล่าให้ฟังถึงหนังเรื่องนี้ Lowe เลยโดดลงมาแจมด้วยแบบไม่เอาเครดิตครับ และจริงๆ ตอนแรกบทหนังจะเทน้ำหนักไปที่ความสัมพันธ์พี่น้องระหว่าง Farley กับ Lowe มากกว่า แต่พอ Michaels เห็นเวลา Farley กับ Spade แสดงคู่กันใน SNL แล้ว เขาก็ตระหนักว่าเรื่องควรมาโฟกัสที่ 2 คนนี้มากกว่า ส่งผลให้บทของ Lowe ถูกปรับลดลง – แล้วก็ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกครับ

อีกเรื่องหนึ่งคือเรื่องวุ่นๆ ในกองถ่ายครับ นั่นคือ Farley กับ Spade มีเรื่อกันระหว่างการถ่ายทำ เรื่องมันเกิดในวันหนึ่งที่ Farley เกิดไม่สบายขึ้นมาจนเขาต้องนอนซมอยู่ในห้อง วันนั้นเลยไม่ได้ถ่ายทำ แล้ว Spade ก็ไม่ได้คิดอะไรครับ เห็นว่าว่างๆ เลยโทรไปชวน Rob Lowe มาดริ้งค์ด้วยกันที่บาร์ ทีนี้วันถัดมาพอ Farley รู้เรื่อง เขาก็เกิดอาการหงุดหงิดและงอนขึ้นมา ประมาณว่า Spade ชวน Lowe ไปดริ้งค์โดยไม่บอกเขาเลย ซึ่ง Farley นั้นซี้กับ Spade มากครับ ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างเซ็นซิทีฟสำหรับเขาเยอะอยู่

Farley เลยทำท่ากวนๆ ใส่ Spade ตลอดทั้งวัน และมักจะถามซ้ำๆ ว่า “กับ Rob Lowe เป็นยังไงบ้าง?” แล้ว Spade ก็พยายามจะอธิบายครับ แต่ Farley ก็ไม่ฟังเลย

ทีนี้พอ Spade เริ่มทนไม่ไหวพวกเขาเลยทะเลาะกัน จนถึงขั้นปาแซนด์วิชและไดเอทโค้กใส่กัน แล้วก่อนที่เรื่องจะเลยเถิดไปกันใหญ่ผู้กำกับก็พยายามจะดึงพวกเขามาถ่ายทำต่อครับ แต่ปัญหาคือ Spade ไม่ยอมพูดตามสคริปต์ แล้วก็ตรงดิ่งกลับไปที่รถเทรลเลอร์ของตัวเอง พร้อมประกาศว่าจะไม่เข้าฉากกับ Farley อีก ส่วน Farley ก็เหมือนกัน ตรงดิ่งไปที่รถตัวเอง และพยายามจะระบายอารมณ์กับผู้ช่วยผู้กำกับ แล้วพวกเขาก็ไม่ยอมคุยกัน เวลาจะคุยกันก็ใช้วิธีคุยผ่านผู้กำกับแทน เป็นอย่างนี้อยู่พักใหญ่เลยครับ แต่ในที่สุดพวกเขาก็คืนดีกันหลังจากอารมณ์เย็นลงและทีมงานช่วยกันประสานรอยร้าว

แต่กลายเป็นว่าหลังถ่ายทำหนังเรื่องนี้เสร็จ พวกเขาก็มีปัญหากันอีกหนครับ – คนที่ดูหนังเรื่องนี้แล้วผมเชื่อว่าคุณต้องจำตัวละครหนึ่งได้ “แม่สาวริมสระที่ริชาร์ดแอบดู” ไงครับ เธอคือ Lorri Bagley ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของ Spade นั่นเอง และ Spade ก็แนะนำเธอให้ Farley รู้จัก แล้วพวกเขาทั้ง 3 ก็สนิทกันมากๆ ชนิดไปไหนไปกันตลอด และจริงๆ Spade น่ะแอบชอบ Bagley ครับ แต่กลายเป็นว่า Bagley ตัดสินใจไปคบกับ Farley และพวกเขาก็คบกันโดยไม่บอก Spade ด้วยนะ คือ Spade มารู้เองโดยบังเอิญหลังจากที่ทั้งคูคบกันไประยะหนึ่งแล้ว และนั่นแหละครับที่กลายเป็นหนึ่งรอยร้าวสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่าง Farley และ Spade ที่ส่งผลให้พวกเขาเกิดความตึงต่อกันในการถ่ายทำหนังเรื่องถัดมา (เรื่อง Black Sheep น่ะครับ)

เกร็ดต่อมาคือ จริงๆ แล้ว Bo Derek นั้นจะต้องมาแสดงหนังเรื่องนี้โดยไว้ผมยาวแบบในหนังเรื่อง 10 ครับ แต่ปรากฏว่าเธอถูก John Derek สามีในขณะนั้น (ซึ่งเป็นคนขี้หึงมาก) บังคับให้เธอตัดผมก่อนวันถ่ายทำไม่นาน ทำให้พอเธอมาถึงกองถ่ายทุกคนก็อึ้งกันไปเลยครับ

ในแง่ของรายได้นั้นถือว่าไม่ธรรมดาครับ – โอเค ตอนเข้าโรงหนังอาจทำเงินไม่เยอะมาก ทำไปราว $32 ล้านจากเงินลงทุน $20 ล้าน – แต่หนังมาโกยกระหน่ำตอนออกวีดีโอครับ Tommy Boy ถือเป็นหนังที่ขายดีติดอันดับ Top 10 ตลอดกาลของค่าย Paramount Pictures ขึ้นทำเนียบวีดีโอขายดีร่วมกับหนังดังๆ อย่างหนังชุด Indiana Jones, Beverly Hills Cop, Top Gun, Wayne’s World และ Forrest Gump ว่ากันว่าทำเงินไปไม่ต่ำกว่า $100 ล้านครับ

และนอกจากนี้ Tommy Boy ยังเป็นหนึ่งในหนังตลกที่ Quentin Tarantino ชอบมาก ถึงขนาดหาฟิล์มหนังเรื่องนี้มาเก็บไว้ และเอามาเปิดอยู่บ่อยๆ ตอนที่พี่แกจัดงานปาร์ตี้ในบ้านน่ะครับ – แต่รู้ไหมครับว่า หนังเรื่องนี้ดันตัดอยู่ในลิสต์หนังที่ Roger Ebert เกลียดที่สุดด้วย – ความชอบ-ไม่ชอบของหนังนี่เป็นเรื่องเฉพาะบุคคลจริงๆ แฮะ

สรุปว่าถ้าอยากคลายเครียดก็จัดไปครับ

สองดาวกว่าๆ ครับ

Star21

(6.5/10)