
หนังรักวันคริสต์มาสที่มาในสไตล์ของ Hallmark (แต่อันนี้เป็นของ Netflix ครับ) เรื่องของเคท (Kristin Davis) สาวใหญ่ที่โดนสามีบอกเลิกเอาดื้อๆ จนเธอรู้สึกสับสนกับชีวิต แล้วเธอก็เดินทางไปเที่ยวที่แอฟริกาท่ามกลางใจที่ห่อเหี่ยว
หนังรักวันคริสต์มาสที่มาในสไตล์ของ Hallmark (แต่อันนี้เป็นของ Netflix ครับ) เรื่องของเคท (Kristin Davis) สาวใหญ่ที่โดนสามีบอกเลิกเอาดื้อๆ จนเธอรู้สึกสับสนกับชีวิต แล้วเธอก็เดินทางไปเที่ยวที่แอฟริกาท่ามกลางใจที่ห่อเหี่ยว
ในที่สุดก็ดูจนจบครบ 7 ซีซั่นครับ และพอดูจบก็บอกได้เลยว่า PaR เรื่องนี้กลายมาเป็นซีรี่ส์ที่ผมรักจนได้ เพราะมันสนุกเพลิน ฮาได้เรื่อยๆ แต่ที่เกินคาดก็คือความกินใจ อีกทั้งอารมณ์ Feel Good ที่สอดแทรกลงมาแบบพอเหมาะพอดี
กำกับโดย Mikael Salomon (Hard Rain) จากนิยายสุดดังของ Stephen King นะครับ ซึ่งเคยทำเป็นหนังทีวีมาแล้วรอบหนึ่ง กำกับโดย Tobe Hooper ซึ่งผมชอบฉบับนั้นนะ แม้จะไม่ได้ถึงขั้นยอดเยี่ยมเท่าตัวนิยาย แต่ก็น่าติดตาม น่ากลัว กำลังเหมาะทีเดียว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถตามไปอ่านรีวิวฉบับนั้นได้ เพียงคลิ้กตรงนี้นะครับ
นี่คือเรื่องราวต่อจาก The Christmas Shoes นะครับ สร้างจากนิยายเล่มถัดมาของ Donna Van Liere เป็นเหตุการณ์หลายปีให้หลังของเนธาน แอนดรูว์ส (Neil Patrick Harris) เด็กชายผู้พยายามหารองเท้าไปมอบให้กับแม่ที่กำลังจะตายเมื่อคราวก่อน ที่ตอนนี้โตเป็นหนุ่มและได้เป็นแพทย์สมความตั้งใจ
ในช่วงยุค 90 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีอีเมลล์ที่ส่งเรื่องเล่าชื่อ The Golden Slippers ฟอร์เวิร์ดไปตามเมลล์ต่างๆ จนคนส่วนใหญ่ในอเมริกาได้อ่านเรื่องราวของเมลล์ฉบับนี้ เนื้อหาว่าด้วยเด็กที่อยากซื้อรองเท้าไปให้แม่ที่กำลังจะตายจากอาการป่วย ซึ่งเธออาจอยูไม่พ้นช่วงวันคริสต์มาสของปีนั้น
แดนนี่ มาร์ติน (Rob Lowe) หนุ่มรักสนุกที่มีโอกาสได้เจอกับ เด็บบี้ (Demi Moore) ที่บาร์หลังจากเขาเพิ่งเสร็จการแข่งขันเบสบอล แล้วก็มีความสัมพันธ์กันครับ ซึ่งตอนแรกก็นึกว่าจะเป็นแค่สัมพันธ์ชั่วข้ามคืนตื่นแล้วอำลา แต่ทั้งเขาและเธอกลับรู้สึกบางอย่างต่อกัน ก็เลยสานสัมพันธ์ต่อ จนตกลงใจที่จะย้ายเข้ามาอยู่ร่วมห้องกัน แล้วก็ค่อยๆ ร่วมกันสานสายใยรัก สร้างความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันให้เบ่งบาน
ในหนังเรื่อง Amistad ของผู้กำกับ Steven Spielberg มีอยู่ฉากหนึ่งที่กระแทกใจผมเต็มๆ นั่นคือตอนที่ท่านอดีตประธานาธิบดีจอห์น ควินซี อดัมส์พูดในศาลเพื่อแก้ต่างให้เหล่าทาสผิวดำว่า “I realized after much trial and error, that in the courtroom, whoever tells the best story wins”
หนังเรื่องนี้ดูเพลินกว่าที่คิดครับ มันอาจไม่ได้สุดยอดหรือห้ามพลาดอะไร แต่จัดว่าดูสนุก ครบทั้งเบาสมองและแอ็กชันผจญภัย ถ้าไม่คิดมากก็น่าจะพอใจอยู่ไม่น้อย
ภาคนี้ออสติน พาวเวอร์และดร.อีวิล ยังต้องมาตีกันต่อไป (Mike Myers รับบททั้งคู่) แต่คราวนี้พวกเขาก็ย้อนเวลาไปตีกันในยุค 60 ครับ เพราะดร.อีวิลย้อนเวลาไปขโมยโมโจของออสติน ออสตินเลยต้องไปตามคืน (โมโจ คือ ขุมพลังแห่งเซ็กซ์ครับ เออ หมกมุ่นจังพี่)