Crime

Lucky Number Slevin (2006) สเลวิ่น มือใหม่หัดเก็บ

Untitled05933

ดูรอบแรกชอบยังไง ดูรอบใหม่ก็ยังคงชอบยังงั้น กับหนังเรื่องนี้ครับ Lucky Number Slevin

จำได้ตอนดูรอบแรกนี่ผมแทบไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหนังเลยนะ เห็นแค่ Josh Hartnett แสดงนำ แล้วก็มีป๋า Bruce Willis ร่วมเล่นด้วย แล้วหนังก็ทำเงินในบ้านไปแค่ $22 ล้าน จากทุนประมาณ $27 ล้าน ยังดีที่รายได้จากทั่วโลกได้ไป $56 ล้านก็พอจะคืนทุนอยู่บ้าง แต่หนังก็ไม่ได้ฮิตปั้วะปังอะไรมาก

ครั้นพอได้ดูเท่านั้นแหละ ตระหนักเลยครับว่าถ้าไม่ได้ดูนี่คือพลาด แล้วไม่ใช่พลาดธรรมดานะครับ จัดว่า “พลาดหนักมาก” เลยล่ะ

เรื่องย่อที่ท่านควรรู้มีแค่ว่า ตัวเอกของเรื่องคือสเลวิ่น (Josh Hartnett) หนุ่มหน้ามนที่ชีวิตซวยแบบซ้ำซ้อน จนต้องขอมาอยู่กับเพื่อนที่ชื่อนิค แต่แล้วจู่ๆ ก็มีลูกน้องของเจ้าพ่อมาเคาะประตู แล้วคิดว่าเขาเป็นนิค จากนั้นก็ใช้กำลังบังคับพาตัวเขาไปหาเจ้าพ่อ นั่นล่ะครับคือจุดเริ่มต้นของเรื่องราว

หนังสนุกครับ เข้าทางผมมาก และนั่นทำให้ผมต้องเอามาบอกกับทุกท่านด้วยว่าหนังเรื่องนี้ไม่เหมาะแก่การดูแบบเพลินๆ ครับ ประเภทว่าเปิดดูเป็นเพื่อน ดูไปแล้วทำอย่างอื่นไป หรือดูมั่งไม่ดูมั่งนี่ไม่แนะนำเท่าไร เพราะการจะดูเรื่องนี้ให้สนุกนั้นเราจะต้องตั้งใจในการดูพอสมควร ต้องมีสมาธิในการสังเกตเรื่องต่างๆ เพราะแต่ละส่วนของเรื่องราวนั้นมันมีที่มาและที่ไปของมัน ฉากนั้นอาจจะเกี่ยวกับฉากนี้ เรื่องนี้อาจจะโยงไปเรื่องนั้น ดังนั้นใครคิดว่านี่เป็นหนังบู๊แบบดูง่าย แอ็คชั่นลุยด่านไปเรื่อยๆ นี่บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องนี้ครับ

ขอยกนิ้วให้ Jason Smilovic เลยครับ พี่ท่านเขียนบทออกมาได้ดีทีเดียว บทมีความแน่น มีปมต่างๆ ให้เราติดตาม บทสนทนาก็ค่อนข้างฟังสนุกและลื่นไหล ยิ่งตอนตัวละครต่อปากต่อคำกันนี่นับว่าเข้าท่าเลยล่ะ มันสะท้อนคาแรคเตอร์ของแต่ละคนได้ดี นี่คือทั้งบทนำและบทสมทบเลยนะครับ ไม่ว่าจะมีบทมากบทน้อยแต่ทุกคนก็มีวาระให้จดจำ ขนาดบางตัวละครไม่ได้พูดสักคนยังมีอะไรให้จำเลย

ดาราทุกรายก็เหมาะกับบทครับ Hartnett ดูเหมาะมากกับบทพ่อหนุ่มสุดซวย ครั้นถึงซีนอารมณ์แววตาเขาก็สื่อมันออกมาได้ดี, Lucy Liu ในบทลินด์เซย์ เพื่อนห้องตรงข้ามของนิคก็ดูสดใส เธอดูน่ารักและเปี่ยมเสน่ห์เอามากๆ โดยส่วนตัวแล้วผมว่าเธอฉายเสน่ห์มากกว่าตอนเล่น Charlie’s Angels อีกนะ คือดูเซ็กซี่แบบไม่ต้องทำอะไรมากเลย

Untitled05934

Ben Kingsley, Morgan Freeman, Stanley Tucci 3 รายนี้นี่หายห่วงครับ ให้เล่นเป็นอะไรก็สวมวิญญาณเป็นบทนั้นๆ ได้อย่างน่าปรบมือ เป็นชูรสชั้นเยี่ยมและเพิ่มความเข้มให้กับหนัง ส่วนป๋า Bruce Willis ก็มาเป็นนักฆ่ามาดนิ่งที่ดูเปี่ยมบารมี แค่ดวงตาแกก็พิฆาตคนได้แล้วล่ะ ก็ยอมรับนะครับว่าพอดูเรื่องนี้แล้วก็แอบใจหายเหมือนกันที่ป๋าเขาเกษียณตัวเองไปแล้ว (อันเนื่องจากปัญหาสุขภาพ) ผมว่าป๋าแกเล่นหนังได้ดีเสมอนะ ดีมากดีน้อยก็ว่ากันไป คืออาจไม่ถึงเป็นดาราขายฝีมือ แต่ป๋าเขาก็มีลีลาและคุณภาพในแบบของตัวเองอยู่เหมือนกัน ดูจากเรื่องนี้ก็ได้ครับ ป๋าแกสามารถทำให้ตัวเองดูเด่นโดยไม่ต้องออกงิ้วออกลายอะไร บททำนองนี้นี่ต้องยกให้ป๋าแกจริงๆ

หนังกำกับโดย Paul McGuigan ที่หากผมจะบอกว่านี่คืองานกำกับหนังโรงชิ้นที่ดีที่สุดของเขาก็คงไม่ผิดอะไร ก่อนจะมาทำเรื่องนี้เขาก็เคยทำเรื่อง Gangster No. 1 และ Wicker Park (Hartnett นำแสดงเหมือนกัน) ถัดจากเรื่องนี้เขาก็มาทำ Victor Frankenstein แต่ส่วนใหญ่เขาจะไปกำกับซีรี่ส์มากกว่าครับ เช่นบางตอนของซีรี่ส์ Sherlock เป็นต้น และสำหรับเรื่องนี้ผมว่ารสชาติพอเหมาะครับ แน่นอนว่าพลังส่วนหนึ่งก็มาจากฝีมือของดารา บวกด้วยบทแน่นๆ ในขณะที่เขาก็คุมจังหวะในการเล่าเรื่องได้กำลังดี มีหลากหลายรส มีทั้งเบาสมอง ระทึกขวัญ และโรแมนติกเล็กๆ

อีก 2 อย่างที่ผมว่าเด็ดคือดนตรีครับ ดนตรีถือว่าได้ ตอนไหนเบาก็เบา ตอนไหนระทึกก็ตื่นเต้น และตอนไหนหวานก็หวาน ซึ่งก็เป็นฝีมือของ J. Ralph ที่งานส่วนใหญ่ของเขาจะเป็นทำดนตรีให้หนังสารคดี (เช่น The Cove) อาจเพราะด้วยเหตุผลนั้นเลยทำให้รสชาติของดนตรีในเรื่องนี้มีความแตกต่าง มันจะไม่ใช่สไตล์แบบดนตรีในหนังทั่วๆ ไป แต่มันจะแฝงไว้ด้วยอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะแฝงความจริงของเรื่องราว และแฝงไว้ด้วยมิติที่สะท้อนความคิดของตัวละคร

อย่างต่อมาคืองานฉากครับ โดยเฉพาะโถงทางเดินหรือกำแพงห้องต่างๆ นี่เลือกลายมาได้มีเอกลักษณ์มาก ดูสวยดูศิลป์ บางอันเป็นเหลี่ยม บางอันเป็นวงมาซ้อนๆ กัน สะท้อนความวกวนซับซ้อนของเรื่องราว และให้อารมณ์แบบหนังยุโรปซึ่งก็ต้องขอชมแบบยกแผงครับ ทั้งโปรดักชั่นดีไซเนอร์อย่าง François Séguin (The Barbarian Invasions, Shattered Glass และ Brooklyn) และผู้กำกับศิลป์ Pierre Perrault (I’m Not There และ Source Code) และ Colombe Raby (Laurence Anyways)

ผมดูหนังเรื่องนี้อย่างมีความสุขครับ หนังสนุก น่าติดตาม บทสนทนาลื่น ปมก็ชวนให้คิดตาม ซึ่งหลายๆ อย่างในหนังอาจไม่ได้แปลกใหม่แล้วสำหรับยุคสมัยนี้ แต่ผมว่ามันยังคงมีเสน่ห์นะครับ พูดได้เต็มปากว่าหนังทำออกมาได้ดี กลมกล่อมอร่อยลิ้น แต่ก็อย่างที่บอกน่ะครับว่าถ้าจะดูให้สนุก ก็ต้องมีสมาธิในการดูสักหน่อย

สามดาวครับ

Star31

(8/10)