
First Kill อาจไม่ถึงขั้นเป็นหนังดีอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่ครับ ถือว่ากลางๆ ค่อนไปทางลบสักหน่อย หนังมาพร้อมดาราที่โอเค เนื้อเรื่องไม่เลว เพียงแต่การเล่าเรื่องยังไม่ชวนติดตามเท่านั้นแหละ
First Kill อาจไม่ถึงขั้นเป็นหนังดีอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้แย่ครับ ถือว่ากลางๆ ค่อนไปทางลบสักหน่อย หนังมาพร้อมดาราที่โอเค เนื้อเรื่องไม่เลว เพียงแต่การเล่าเรื่องยังไม่ชวนติดตามเท่านั้นแหละ
พอล (Jason Patric) อดีตมาเฟียระดับตำนานเจ้าของฉายา “เดอะ พริ้นซ์” ได้ล้างมือจากวงการ แล้วหันไปใช้ชีวิตเรียบง่ายในเมืองห่างไกล แต่เมื่อเขารู้ว่าเบธ (Gia Mantegna) ลูกสาวของเขาหายตัวไป เขาเลยต้องออกโรงตามหาลูก อันนำเขาไปสู่การเผชิญหน้ากับสารพัดอันตรายและรอยแค้นจากอดีตที่รอคอยเขาอยู่
ซันนี่ (50 Cent) กับวินเซนต์ (Ryan Phillippe) เป็นเพื่อนกันมานานครับ แล้วอยู่มาวันหนึ่งพวกเขาก็วางแผนปล้นและตกลงจะแบ่งเงินกัน แต่แล้ววินเซนต์กลับหักหลังแล้วฮุบเงินไว้ ก่อนจะพยายามฆ่าซันนี่และพวกคนอื่นๆ ทีนี้ซันนี่รอดมาได้ เขาเลยกลับมาทวงแค้นวินเซนต์
Fortress: Sniper’s Eye ภาคต่อที่ดูแล้วยอมรับเลยว่ากุมขมับหนักยิ่งกว่าภาคแรกซะอีก
แม้จะรู้อยู่แก่ใจว่ายังไง Fortress ของป๋า Bruce Willis คงไม่ได้สนุกอะไรมากมาย แต่ที่ตามมาดูก็เพื่อให้กำลังใจดาราแอคชั่นที่คุ้นเคยกันมาครับ สมัยหนุ่มๆ พี่เขาทำหนังสนุกๆ ให้เราดูไว้พอสมควร ตอนนี้ก็ตามให้กำลังใจอุดหนุนผลงานป๋าเขาสักหน่อย
ชีวิต ล้วนเกี่ยวข้องกัน
ชีวิต ล้วนไม่แน่นอน
ชีวิต มีขึ้นมีลง
ชีวิต มีเกิดมีดับ
ปี 2012 ที่ผ่านมา ผมได้เรียนรู้ว่ามีหนังอยู่ 2 ประเภทที่ดูถูกไม่ได้เป็นอันขาด เพราะมันอาจสนุกกว่าที่คิดได้
ผมสงสัยเสมอว่าทำไม Sin City: A Dame to Kill For ถึงทำรายได้ไม่สวยเลย (ทำไป $39 ล้านจากทั่วโลก ในขณะที่ทุนนั้นปาเข้าไป $65 ล้าน)
จำได้ว่ายุคหนึ่งที่ Sylvester Stallone ถึงขาลง เขาก็เริ่มเล่นหันมาเล่นหนังทุนไม่สูง ในขณะที่ Bruce Willis ตอนนั้นยังมีหนังใหญ่ๆ เล่นอยู่เรื่อยๆ
ผมงงมากครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่ Bruce Willis เพราะหนังที่แกรับเล่นในช่วง 2 – 3 ปีให้หลังนี่มันออกแนวหนังแผ่นหรือไม่ก็หนังเกรดบีเอามากๆ หรือแม้แต่หนังมีฟอร์ม (อย่าง Sin City 2) ก็ยังไม่ใช่งานที่น่าพอใจสักเท่าไร