อยากดู See How They Run ด้วยเหตุผลง่ายๆ ครับ นั่นคือผมชอบดูหนังสไตล์สืบสวน Whodunit ยิ่งมีกลิ่นอายเกี่ยวข้องกับ Agatha Christie นี่ยิ่งชอบเลย
เหตุในหนังเกิดช่วงยุค 50 ครับ ว่าด้วยการแสดงละครเวทีเรื่อง The Mousetrap ของ Agatha Christie ที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามจนผู้สร้างมีแผนจะทำเป็นหนังใหญ่ และทาบทามให้ลีโอ โคเปอร์นิค (Adrien Brody) มารับหน้าที่กำกับ
แต่แล้วก็เกิดการฆาตกรรมขึ้นครับ ทางตำรวจได้ส่งสารวัตรสต๊อปพาร์ด (Sam Rockwell) และผู้ช่วยหน้าใหม่อย่างสตอล์คเกอร์ (Saoirse Ronan) ให้หามาสางคดี และการไขคดีแสนปั่นป่วนก็เริ่มต้น
เอาเข้าจริงเลยคือหนังค่อนข้างธรรมดาครับ พลังสำคัญที่ช่วยหนังเอาไว้คือการแสดงเด่นเด้งของ Ronan ที่ดูกระตือรือร้นมีชีวิตชีวาเป็นเจ้าหน้าที่ที่ขยันทำงานและตาลุกวาวอยู่เสมอ แล้วอะไรฮาๆ ก็มาจากเธออยู่บ่อยๆ ครับ เอาแค่การด่วนสรุปตะครุบผู้ต้องสงสัยนี่ก็ฮาได้หลายวาระแล้ว
Rockwell ก็เด่นครับ โดยส่วนตัวผมมองว่าเด่นรองจาก Ronan แต่พี่แกก็เป็นอีกหนึ่งพลังของหนังเหมือนกัน ในขณะที่ดาราสมทบรายอื่นถือว่ากลางๆ ครับ คือไม่ถึงกับเด่นจัดๆ แต่ก็เสริมอารมณ์ให้หนังบ้างตามแต่โอกาสจะอำนวย
การเดินเรื่องออกแนวเรื่อยๆ ครับ ตอนต้นๆ จริงๆ ก็ใช้ได้อยู่ แต่พอเกิดคดีฆาตกรรมแล้วหนังก็กลายเป็นเรื่อยๆ ไม่ได้เร่งเร้าหรือน่าสนใจอะไร บทก็เรื่อยๆ การตามปมก็เรื่อยๆ อย่างที่บอกน่ะครับว่าถ้าขาด Ronan กับ Rockwell หนังจะจืดลงมาก ส่วนมุกฮาส่วนมากที่ได้ผลก็เนื่องมาจากการแสดงที่พอเหมาะของ 2 ดารานำนั่นแหละครับ
ความสนุกจะเริ่มมาอีกทีก็ตอนท้ายน่ะครับ ตอนที่อะไรต่อมิอะไรได้รับการเฉย ตอนที่ฆาตกรเปิดเผยตัว ตอนนั้นก็น่าสนใจขึ้นมาหน่อย
สารภาพว่ามีแอบงีบแอบเงกเป็นบ้างช่วงตอนกลางๆ น่ะครับ รู้สึกมันเรื่อยไปหน่อย เหมือนหนังมันไม่สุดสักทางน่ะครับ จะเพี้ยนก็ไม่เชิง จะเอาฮาก็ไม่ฮาขนาดนั้น งานด้านฉากด้านศิลป์ก็ยังไม่เตะตาพอ ส่วนด้านสืบสวนนี่ก็แทบจะไม่เด่นเลยจนกระทั่งตอนเฉลยช่วงท้ายนั่นแหละ – สิ่งหนึ่งที่รู้สึกเลยก็คือหนังมีความเป็น Wes Anderson ผสมอยู่ในที แต่ดีกรียังไม่ถึงครับ ได้มาแค่กลิ่นน่ะ แต่อารมณ์ยังไม่ถึง ฟีลยังไม่มา
ถ้าจะมีอะไรที่เข้าท่าในหนัง ผมยกให้ดนตรีครับ ดนตรีถือว่าโอเค โดยเฉพาะตอน End Credits นี่ทำออกมาได้ดีมาก เป็นผลงานของ Daniel Pemberton ที่ถือว่าดีจนเข้าใจเลยว่าทำไมหนังถึงได้เข้าชิง International Film Music Critics Award เพราะถือเป็นหนึ่งในของเด็ดของหนังจริงๆ
ข้อดีอีกอย่างคือหนังไม่ยาวเกินไปครับ แค่ประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่งหน่อยๆ เท่านั้น เลยพอดูได้ไปจนจบ ซึ่งตัวหนังก็ทำเงินไม่เข้าเป้านักครับ ลงทุนไป $40 ล้าน ได้คืนมาราว $21.9 ล้านจากทั่วโลก
สองดาวครับ
(6/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy, Crime, Mystery