Red Notice นี่ดูได้เพลินๆ เลยครับ สนุกแบบไม่ต้องคำนึงถึงหลักการและเหตุผล ผมนี่หัวโล่งทั้งก่อนและหลังดูครับ (ก่อนดูไม่คิดมาก หลังดูไม่คิดเยอะ) ใครอยากผ่อนคลายสบายใจล่ะก็ขอแนะนำเรื่องนี้เลยครับ เพลินดีจริง
ต้องยอมรับว่าหนังโอเคกว่าที่คาดครับ เพราะปกติหนังฟอร์มแบบนี้จาก Netflix ผลที่ได้มักจะออกมากลางๆ (หรือไม่ก็กลางไปทางแป้ก) แต่กับเรื่องนี้นี่รสชาติพอเหมาะ ดูเอามันส์ก็ได้ ดูเอาฮาก็ได้ ดูเอาความหวือหวาไล่ล่าระเบิดตูมตามก็ได้ จนผมบอกได้เลยว่าชอบครับ คงมีการดูซ้ำอีกเร็วๆ นี้ เพราะหนังมันบันเทิงดีแท้ (แล้วยังมีพากย์ไทยด้วย เปิดดูเป็นเพื่อนระหว่างทำงานได้เลย)
เนื้อเรื่องก็ง่ายๆ ครับ นักวิเคราะห์อาชญากรนามว่า จอห์น ฮาร์ทลี่ย์ (Dwayne Johnson) โดนจัดฉากใส่ความจนต้องไปติดคุกอยู่ห้องขังเดียวกับจอมโจรงานศิลป์ โนแลน บูธ (Ryan Reynolds) ทีนี้ฮาร์ทลี่ย์อยากเคลียร์ชื่อเสียงของตัวเองครับ เลยวางแผนกับบูธแหกคุกออกมา แล้วการผจญภัยข้ามโลกสุดป่วนก็เริ่มต้นครับ
หนังเขียนบทและกำกับโดย Rawson Marshall Thurber ที่เคยร่วมงานกับเดอะร็อคมาแล้วใน Central Intelligence และ Skyscraper ซึ่งผมว่าผมชอบเรื่องนี้มากกว่า 2 เรื่องนั้นครับ เรื่องนี้มันมันส์ฮาบ้าบอพอเหมาะ พลังสำคัญที่ทำให้หนังไหลลื่นก็ต้องยกให้การเข้าคู่กันของ Johnson และ Reynolds น่ะครับ เอาแค่พวกพี่แกมานั่งต่อปากต่อคำก็เพลินแล้ว บทสนทนาที่ออกมาจากปากตัวละครนี่มันลื่นดีจริงๆ ถือเป็นหนังแนวคู่หูคู่ฮาที่ทำได้เวิร์กพอตัวสำหรับในช่วงหลายปีให้หลังมานี่ ส่วน Gal Gadot ก็มาสวยและมาเสริมความลื่นให้กับหนังได้ในหลายวาระเหมือนกันครับ ว่าง่ายๆ เลยคือทีมดาราเลือกมาได้เหมาะเหม็ง แต่ละคนช่วยกันชงมุกตบมุกกันตลอดเรื่องเลยครับ
การเดินเรื่องก็เดินแบบใส่เกียร์ห้าแล้วทะยานไปข้างหน้าครับ ไม่ค่อยมีช่วงเชื่องช้าสักเท่าไร แล้วหนังยังจัดว่ารวมมิตรด้วยครับ นอกจากจะมีแอ็กชันและตลกแล้ว ก็ยังแทรกการผจญภัยตามล่าหาสมบัติลงไปหน่อยๆ ด้วย ครบรสดีเหมือนกัน ซึ่งก็ต้องชมผู้กำกับ Thurber ที่ปรุงส่วนผสมเหล่านี้เข้าด้วยกันได้แบบพอเหมาะ อาจไม่ถึงกับสุดยอดแต่ก็ตอบโจทย์ความบันเทิงได้ดี
ยอมรับว่าไม่รู้จะเขียนอะไรต่อครับ (555) เพราะหนังมันไม่ได้มาพร้อมสาระเข้มๆ หรือประเด็นซับซ้อนอะไรให้พูดถึงมากมาย หนังเรื่องนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อดูเอามันส์ตั้งแต่ต้นจนจบ ดูดาราหน้าคุ้นมาต่อปากต่อคำให้ขำเล่น ดูฉากแอ็กชันที่ไหลมาเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าใครคาดหวังอะไรที่มันเข้มข้นซับซ้อนซ่อนเงื่อนหรือบทแน่นๆ ล่ะก็ ไม่ใช่เรื่องนี้ครับ
สำหรับผมแล้ว ระหว่างดูก็เหมือนนั่งกินป๊อบคอร์นน่ะครับ กรอบๆ เพลินๆ ครบรส อร่อยดี กินแล้วถ้าว่างๆ อยากกินอีก ก็จัดไปตามสะดวก
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, Adventure, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Comedy