Action

The 5th Wave (2016) อุบัติการณ์ล้างโลก

12662565_1152881624742637_5879319536120532185_n

ผมอยากดู The 5th Wave ตั้งแต่เห็นตัวอย่างครับ มันดูน่าสนใจไม่เลวเลย และอีกอย่างที่แอบเชียร์คืออยากให้น้อง Chloë Grace Moretz มีหนังฮิตจริงๆ จังๆ เป็นของตัวเองสักที

ช่วงแรกของหนังจัดว่าไม่เลวครับ บอกให้เรารู้ว่าพวกต่างดาวมาบุกโลกโดยแบ่งระดับเป็นระลอกๆ เรียกว่ายึดและทำลายวิทยาการมนุษย์ทีละขั้นครับ ซึ่งถือว่าโอเคนะ แม้จะไม่ถึงกับจับใจมากๆ และ CG อาจไม่ได้เด็ดมากมาย แต่โดยรวมถือว่าปูเรื่องได้ดีในระดับหนึ่งสำหรับหนังแนวต่างดาวยึดโลกแบบนี้

แต่น่าเสียดายครับที่ความน่าสนใจค่อยๆ ลดระดับลงครับ คือหลังจากพวกต่างดาวบุกมนุษย์ 4 ระลอกแล้ว หนังก็บอกเราว่าเดี๋ยวมันจะมีระลอกที่ 5 ซึ่งจะเป็นระลอกสุดติ่ง ประเภทว่าถ้าต่างดาวบุกเราด้วยระลอกนี้เมื่อไร มนุษยชาติเป็นอันจบสิ้น

ซึ่งอันนี้เราก็พอจะรู้ล่ะครับว่าระลอก 5 ยังไม่มาเมื่อหนังเดินเรื่องไปได้ครึ่งชั่วโมงหรอก ดังนั้นระหว่างทางก็จะเป็นการเล่าเรื่อง แนะนำตัวละครหลักๆ แล้วก็ปูพื้นความสัมพันธ์ ซึ่งส่วนหลังๆ นี่แหละครับที่ออกมาธรรมดา แม้น้อง Chloë จะแสดงได้ดีเหมือนเคยก็เถอะครับ แต่ตัวหนังมันไม่มีจุดดึงดูด ไม่มีปมให้ตาม

ผิดจากที่คาดไปไม่น้อยครับ เพราะจริงๆ หนังน่าสนใจและสามารถเล่าอะไรได้หลายอย่าง และยิ่งมีคนที่อ่านนิยายแล้วมาเล่าให้ฟังก็ยิ่งเสียดายมากขึ้นไปอีก เพราะยังมีอะไรมันส์ๆ อีกหลายอย่างที่ไม่ถูกเอาใส่เข้ามาในหนัง ซึ่งอันนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ล่ะครับ เพราะมันเป็นไปแล้วน่ะ

สรุปก็คือหนังอาจไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนะครับ มันพอดูได้เพลินๆ เพียงแต่ยังไม่เด่นหรือน่าจดจำอะไรนัก ซึ่งผมว่าดาราทุกคนก็แสดงกันได้ดีน่ะ โดยเฉพาะน้อง Chloë ที่ยังใช้ฝีมือของตนพยายามแบกหนังทั้งเรื่องอยู่ (แม้ในแง่บทแล้วคาแรคเตอร์ของเธอจะมีจุดพร่องบ้างก็เถอะ)

แล้วก็ยังมี Nick Robinson กับ Liev Schreiber มาช่วยเสริม แต่เนื่องจากบทหนังยังไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่มีปมเด็ดๆ ให้รู้สึกชวนติดตาม มันก็เลยได้เพียงระดับเรื่อยๆ เท่านั้น และบางอย่างยังดูง่ายเกินด้วย (อย่างไคลแม็กซ์ก็ดูกลางๆ ไม่ได้ชวนตื่นเต้นหรือลุ้นอะไรมากมายนัก)

แต่ผมชอบระลอกที่ 5 นะ ถือเป็นแผนที่เข้าท่าดีเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นหนึ่งในอะไรที่ผมชอบจากหนัง (หรือจริงๆ คือจากหนังสือ) น่ะนะครับ

ตอนหนังเข้าโรงเคยลุ้นอยุ่ว่าหนังจะมีภาคต่อไหม เพราะถ้าว่าถึงตัวหนังก็จัดว่าไม่เวิร์กเท่าที่ควร ในขณะที่รายได้นั้นถือว่าไม่ขาดทุน ข้อดีของหนังคือทุนไม่สูงครับ อยู่ที่ประมาณ $38 ล้าน (ซึ่งนั่นอาจเป็นคำอธิบายว่าทำไม CG บางช็อตถึงดูไม่เนียนนัก) ในขณะที่รายได้ทั่วโลกเก็บไป $109 ล้าน ไม่ล่มแต่ก็ไม่ทำเงินมากมาย และรอจนถึงบัดนี้ก็ถือว่าได้คำตอบแล้วล่ะว่าจะมีภาคต่อออกมาไหม

ถือเป็นหนังที่น่าเสียดายครับ โดยฟอร์มโดยอะไรแล้วมันน่าจะเวิร์กกว่านี้ แต่อย่างน้อยก็ยังดีครับที่ได้เห็นประเทศไทยเราไปโผล่ในหนังบ้าง (แม้จะแค่แป๊บๆ ก็เถอะ) ^_^

ไม่ถึงสองดาวครับ

Star12

(5.5/10)