
หนังไซไฟคลาสสิกว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวอีกเรื่องหนึ่งในยุคสมัยที่หนังแนวนี้กำลังฮิตเมื่อdกว่าครึ่งศตวรรษก่อนน่ะนะครับ
ตัวเอกคือจอห์น พัทนัม (Richard Carlson) นักเขียนและนักดาราศาสตร์สมัครเล่นกับเพื่อนสาวของเขา เอลเลน ฟิลด์ (Barbara Rush) ได้พบเห็นว่ามีลูกไฟประหลาดพุ่งลงมายังเหมืองใกล้เมือง ก็แน่นอนล่ะครับว่าเจ้าลูกไฟนี่ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
จากนั้นจอห์นก็เริ่มสงสัยมากขึ้น เมื่อคนที่ผ่านเข้าไปแถบที่ดาวตกนั้น มักจะกลับมาด้วยท่าทางราวกับหุ่นยนต์… อะไรกันแน่ที่มากับลูกไฟนั่น และมันมีจุดประสงค์ใดต่อโลกของเรา
นี่กลายเป็นหนังไซไฟว่าด้วยมนุษย์ต่างดาวที่เหมือนจะแห่ตามกระแสออกมา แต่ก็เปล่านะครับ มันมีรสชาติของตนเองครับ ในขณะที่หนังเรื่องอื่นจะแทนตัวมนุษย์ต่างดาวว่าเป็นความชั่วร้ายแบบเต็มที่ แต่กับเรื่องนี้ปรากฏว่าพวกเขามาในรูปแบบที่เหมือนจะคุกคาม แต่ก็ไม่ได้ถึงกับจะคร่าชีวิตใคร และไปๆ มาๆ เจตนาเขาก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ต้องการทำร้ายโลกด้วย ทำให้คนดูอย่างเราๆ ก็สนใจล่ะครับว่า งั้นทำไมพวกต่างดาวนี่ถึงลงมาเหยียบพื้นโลกของเรา
หนังชี้ชวนให้คนดูลองมองมนุษย์ต่างดาวในมุมใหม่ ที่เรามักจะมองว่าพวกมันคือสิ่งน่ากลัวที่มาเพื่อทำลายโลก ก็ให้เราลองมองในมุมแห่งความเข้าใจ เปิดใจ แทนที่จะตั้งแง่ประเภทว่าเจอปุ๊บฆ่าปั๊บอะไรทำนองนั้น
ประเด็นที่ชวนให้ใช้สมองตรองมนุษย์ต่างดาวจึงทำให้หนังมีอะไรให้เก็บไปคิดพอตัวครับ แล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่หนังจะทำเงินไปโขอยู่ตอนออกฉาย (ได้ไปเกือบ $2 ล้าน ซึ่งสมัยนั้นจัดว่าเยอะอยู่ครับ)
หนังจุดประเด็นให้เราคิดว่าการมาของคนแปลกหน้า (หรือจะแทนค่าตรงนี้เป็นอย่างอื่น เช่น อารยธรรมแปลกหน้า ความคิดอันแตกต่าง หรือ ระบบการปกครองที่ไม่คุ้นทั้งหลายก็ได้) ชวนให้มองว่าการจะไปตีตราว่าสิ่งแปลกปลอมคือตัวร้ายเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่เรื่องที่เข้าท่านัก เพราะจริงๆ แล้วพวกเขาอาจเป็นเพียงอะไรที่คิดต่างจากเรา มองต่างจากเรา เนื่องจากมีรากฐานชีวิต ความคิด สังคม สิ่งแวดล้อมที่ต่างจากเราอยู่แล้วเท่านั้นเอง
ดังนั้นการรับมือกับสิ่งแปลกใหม่ สิ่งแตกต่าง หรืออะไรที่เราไม่คุ้นเคย หาใช่ใช้แต่ความรุนแรงไม่ แต่เราต้องใช้การปรับความเข้าใจ ลองมองในมุมของคนเหล่านั้นดูบ้าง… เหมือนที่ตัวเอกในเรื่องใช้น่ะครับ ตอนแรกก็เกือบจะเกิดเรื่องใหญ่โต แต่ด้วยการทำความเข้าใจ มันก็เลยให้ผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยสูญเสียเท่าไร
ดูหนังแล้วก็ย้อนดูตัวเองนะครับ ว่าเราตอบโต้ต่อความต่างหรือสิ่งที่แตกต่างอย่างไร โต้ในทางลบหรือโต้ในทางบวก
ซึ่งถ้าเราจะมีความระมัดระวังมันก็ได้ครับ ไม่ใช่เรื่องผิด แม้แต่จะระแวงก็ยังได้ เพราะเราอาจยังไม่ทราบจริงๆ ว่าสิ่งแปลกใหม่หรือพวกที่มีความต่างนั้น มันจะมาพร้อมเจตนาใดกันแน่ แต่กระนั้นเราก็ระวังไปด้วย ทำความเข้าใจไปด้วย ไม่ต้องไปตั้งแง่ตั้งท่าจะโต้ตอบในทางทำลายเพียงอย่างเดียว
ลองใช้ความสงบรับมือกับสิ่งใหม่ หรือคนที่เห็นต่างกับเราดีกว่านะครับ มันหมดยุคแห่งการรบพุ่งกันด้วยความรุนแรงแล้วล่ะครับ
ถือเป็นหนังไซไฟต่างดาวที่น่าสนใจครับ ที่ว่าน่าสนนี่คือในแง่ของความคิดนะครับ เพราะหากในแง่ความตื่นเต้นล่ะก็มันอาจจะไม่ได้ลุ้นระทึก ไม่ได้น่าติดตามนักถ้าว่ากันถึงจุดนั้น แต่มันเป็นแนวชี้ชวนให้คิด แบบไม่ได้ลึกล้ำจนยากเกินความเข้าใจ
นี่ก็เป็นงานกำกับของ Jack Arnold แห่ง Creature from the Black Lagoon ส่วนพล็อตเรื่องนั้นก็มาจากปลายปากกาของ Ray Bradbury นักเขียนนิยายไซไฟที่มีชื่อเสียงอีกคน เพราะแบบนี้ตัวหนังถึงมีอะไรให้เราลองไปตรองเป็นการบ้านดู บริหารสมองดูนะครับ
ดังนั้นถ้าจะให้สรุปสำนวนว่าหนังเรื่องนี้น่าดูหรือไม่ ก็ต้องถามตนเองล่ะครับว่าชอบหนังต่างดาวยุคขาวดำหรือไม่ และมันก็ไม่ใช่หนังแอ็กชัน สยองขวัญ ลุ้นระทึกใดๆ มันออกแนวเรื่อยๆ ชวนค้นหามากกว่า
และถ้าคำตอบคือ คุณชอบหนังสไตล์นี้ล่ะก็ เรื่องนี้ก็จัดว่าน่าลองสักคำครับ แต่หากเฉยๆ ก็ไม่เป็นไรครับ มันก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าต้องดูให้ได้หรอก
สองดาวกว่าครับ

(6.5/10)
หมวดหมู่:Horror, Movie Reviews, Sci-Fi










