ไมค์ ลาวรี่ย์ (Will Smith) และมาร์คัส เบนเน็ตต์ (Martin Lawrence) คู่ตำรวจแสบซ่ากลับมาปราบเหล่าร้ายอีกครั้งครับ งานนี้พวกเขาต้องเจอกับแก๊งค้ายาสุดโหดที่ไม่เกรงกลัวกฎหมาย แต่พอดีคู่หูแบดบอยก็พร้อมจะแหกกฎเพื่อรบกับผู้ร้ายเหมือนกัน การต่อสู้ไล่ล่าระดับวินาศสันตะโรจึงเริ่มต้น

ภาคนี้ดาราแท็กทีมกลับมาครับ ทั้ง Smith, Lawrence, Joe Pantoliano สารวัตรจอมโวย, Theresa Randle ในบทภรรยาของมาร์คัส ร่วมด้วย Gabrielle Union ในบทซิด น้องสาวคนสวยของมาร์คัสที่ไมค์กำลังจีบอยู่ และ Jordi Mollà ในบท เฮคเตอร์ ฮวน คาร์ลอส “จอห์นนี่” ทาเปียร์ วายร้ายที่ไม่เกรงกฎหมาย

Michael Bay มากำกับตามเคยครับ จึงไม่ต้องห่วงในเรื่องของฉากไล่ล่า ระเบิดตูมตาม และข้าวของพังพินาศ อีกทั้งมุมกล้องที่มีทั้งไวทั้งเหวี่ยง บางฉากมีมุมกล้องแบบหมุนอีกต่างหาก เรียกว่าโชว์กันเต็มที่ในเรื่องภาพและ Effect ครับ

โดยส่วนตัวผมชอบภาคแรกมากกว่าครับ มันพอเหมาะพอดี ทั้งมันส์ทั้งการเหวี่ยงกล้อง แต่ก็ไม่ละเลยเรื่องบท ส่วนภาคนี้แม้จะมีแอ็คชั่นเยอะ ไลล่าแยะ แต่ตัวหนังออกจะยาวไปหน่อย (ประมาณ 2 ชั่วโมงเกือบครึ่ง) ในขณะที่ด้านบทมันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนขนาดนั้น ยังดีที่เหล่าดารารู้งานเล่นกันได้ลื่น และส่วนที่ผมชอบมากกว่าฉากแอ็คชั่นนี่ต้องยกให้สารพัดมุกฮาตั้งแต่มุก “พยายามจะสุภาพ” ของเหล่าตัวละคร ต่อด้วยมุก “วูซ่าาาาาาา” ที่มาได้เรื่อยๆ แล้วไหนจะฉากในร้านขายทีวีอีก คือผมว่าผมเพลินกับฉากฮาๆ พวกนี้มากกว่าฉากวินาศสันตะโรครับ ยอมรับเลย

ผมชอบเอาภาคแรกมาดูซ้ำอยู่บ่อยๆ แต่กับภาค 2 นี่นานๆ ที ว่าตามจริงคือดูแค่ 3 รอบ รอบแรกสมัยหนังเข้าโรงซึ่งดูแล้วก็ไม่ได้ชอบอะไรนัก แล้วก็ทิ้งช่วงเว้นเป็นสิบปี เอามาดูอีกทีความชอบก็ไม่เพิ่ม ยังรู้สึกเรื่อยๆ เหมือนเดิม จนรอบล่าสุดนี่ก็เอามาดูแบบเรียงภาคเพื่อดูภาค 4 ก็สารภาพครับว่ายังรู้สึกคงเดิม คือดูได้ แต่ไม่ถึงกับชอบ

มาว่ากันถึงเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ครับ อย่างแรกเลยคือคนทำดนตรีในภาคนี้เปลี่ยนเป็น Trevor Rabin ที่เคยร่วมงานกับ Bay มาก่อนใน Armageddon แต่จริงๆ Mark Mancina จากภาคแรกก็จะมาร่วมงานด้วยครับ แต่เนื่องจากมีปัญหากันเรื่อง “ความคิดสร้างสรรค์ไม่ตรงกัน” Mancina เลยเป็นฝ่ายก้าวออกจากโปรเจคท์ไป

ส่วนค่าตัวของ 2 ดารานำรอบนี้ก็ทะยานเป็นคนละ $20 ล้านเลยรับ ซึ่งสำหรับ Smith แล้วเขาได้ค่าตัวเพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าจากภาคแรก (ที่ได้เพียง $2 ล้าน) ส่วน Lawrence ก็ถือว่าค่าตัวหนนี้เป็นค่าตัวที่สูงที่สุดในชีวิตการแสดงเขาเลย

และจริงๆ Bay ได้รับการทาบทามให้ไปกำกับ Terminator 3: Rise of the Machines แต่เขาก็บอกปัดเพื่อมาทำเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ

หนังทำรายได้ไปถึง $273 ล้านซึ่งถือว่ามากกว่าภาคแรก  แต่เพราะหนังลงทุนถึง $130 ล้าน เลยทำให้หนังถือว่าพอเท่าทุน แต่ไม่ได้กำไรอะไรครับ แต่เดาว่าถึงตอนนี้จากค่าลิขสิทธิ์ต่างๆ ค่าขายแผ่นและค่าลงสตรีมก็น่าจะกำไรแล้วล่ะ

สองดาวกว่าๆ ครับ

(6.5/10)