
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ถึงกับเป็นแฟนของหนังชุดนี้ครับ คือภาคแรกดูแล้วก็ชอบนะ สนุกดี ส่วนภาค 2 นี่รู้สึกจะเน้นระเบิดภูเขาเผากระท่อมและงานกล้องมากจนความกลมกล่อมของหนังพร่องๆ ไปพอตัว แต่ก็ยังดูได้เพลินๆ
ออกตัวก่อนว่าผมไม่ถึงกับเป็นแฟนของหนังชุดนี้ครับ คือภาคแรกดูแล้วก็ชอบนะ สนุกดี ส่วนภาค 2 นี่รู้สึกจะเน้นระเบิดภูเขาเผากระท่อมและงานกล้องมากจนความกลมกล่อมของหนังพร่องๆ ไปพอตัว แต่ก็ยังดูได้เพลินๆ
ว่าตามจริงคือรู้สึกเป็นห่วงหนังเรื่องนี้ตั้งแต่ก่อนออกฉายแล้วครับ ห่วงว่าจะไปได้ไกลแค่ไหนบน Box Office เพราะจุดที่หนังพยายามขายอย่าง CG Will Smith วัยหนุ่มนั้นมันไม่ใช่ของใหม่อะไรแล้ว และหนังประเภท “ตัวเองไล่ล่าตัวเอง” ก็เคยมีคนทำออกมาแล้ว (เช่น Looper – ซึ่งที่ทำได้ดีซะด้วย) ก็เลยออกแนวห่วงครับว่าหนังจะได้ทุนคืนไหม (เพราะลงทุนไปเกือบ $140 ล้าน)
สรุปคร่าวๆ แล้ว Focus มีส่วนที่ผมชอบมากกว่าส่วนที่ผมเฉยครับ ว่าง่ายๆ คือดูแล้วก็เพลินและบันเทิงในระดับหนึ่ง
แว่บแรกที่เห็นตัวอย่าง Winter’s Tale ผมว่ามันน่าสนใจมากนะครับ อย่างแรกคือรวมดารามีฝีมือไว้พอสมควร อย่างที่ 2 คือโทนหนังดูแฟนตาซีผสมโรแมนติก จนน่าจะสร้างอารมณ์ประทับใจได้เลย (หากปรุงดีๆ)
อีกหนึ่งหนังคุณภาพและการแสดงดีๆ ของ Will Smith ครับ แม้จะไม่ถึงขั้นที่ The Pursuit of Happyness และ Seven Pounds เคยทำไว้ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแก่การรับชมครับ
จริงๆ หนังเรื่องนี้ควรจะเข้าทางผมอย่างแรงเลยล่ะครับ เหตุผลก็เพราะ ข้อ 1) เป็นหนังว่าด้วยการค้นหาความหมายชีวิต ข้อ 2) หนังมีฉากหลังเป็นช่วงคริสต์มาส หนึ่งในช่วงที่บรรยากาศอบอุ่นกรุ่นหอมที่สุดแห่งปี และ 3) หนังรวมดารายอดฝีมือระดับตัวพ่อตัวแม่เต็มจอไปหมด
หมื่นทิพเชื่อ! คนที่ชอบหนัง Anchorman ภาคแรกจะสนุกไปกับภาค 2 ได้ไม่ยาก
การกลับมาของบุรุษชุดดำรอบนี้ทำเอาผมห่วงตั้งแต่ประกาศสร้างเลยครับ เพราะเล่นทิ้งช่วงนานจนคิดว่าคงไม่มีตอนต่อออกมาแล้ว แต่ในที่สุด Barry Sonnenfeld ก็ขอย้อนมาจับหนังที่ทำเงินสูงที่สุดในชีวิตอีกครั้งหลังจากไปจับหนังเรื่องอื่นอยู่นานแต่ก็ไม่มีเรื่องไหนดังเท่า MIB
ภาคต่อที่อาจจะไม่ลงตัวกลมกล่อมเท่าภาคแรก (รวมถึงสนุกไม่มากเท่าภาค 3) แต่ก็ยังถือว่าดูเอาเพลินและเอาฮาได้โอเคในระดับหนึ่ง
หนังดังม้ามืดปี 97 ที่ทำเงินแซงหน้าหนังที่ใครๆ ก็เก็งกันว่าต้องเป็นแชมป์แห่งปีอย่าง The Lost World: Jurassic Park