
หนังบู๊ดูมันส์ ผลงานแจ้งเกิดของผู้กำกับ Michael Bay และยังถือเป็นหนังที่ดันให้ Will Smith และ Martin Lawrence เป็นที่จับตาในวงการมากยิ่งขึ้น
เรื่องก็ลงสูตรตำรวจคู่หูคู่กัด ไมค์ ลาวรี่ย์ (Smith) และมาร์คัส เบอร์เน็ตต์ (Lawrence) ที่ต้องมาร่วมกันคุ้มกันพยานสาวสวยนามว่า จูลี่ ม็อต (Téa Leoni) ที่หนีตายจากการตามล่าของพวกผู้ร้าย และเป็นไปได้มากว่าเจ้าผู้ร้ายกลุ่มนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการขโมยเฮโรอีนที่เป็นของกลางไปจากกรมตำรวจ
ดูมันส์และเพลินดีจริงๆ ครับ งานด้านภาพของ Bay ถือว่ามีส่วนทำให้รสชาติหนังมันอร่อยขึ้น มีสีสัน มีลีลาการเหวี่ยงกล้องที่เสริมได้ทั้งความเท่ห์และความตื่นเต้น พวกฉากระเบิดหรือฉากไล่ยิงกันถือว่าวางมุมกล้องได้ไม่เลวครับ เรียกว่าถ้าปรารถนาความมันส์ล่ะก็ Bad Boys ถือว่ามีพร้อม
ด้านดาราก็เลือกมาเหมาะมากครับ Smith ไปได้สวยกับบทไมค์ที่ดูเจ้าชู้ กรุ้มกริ่ม มีเสน่ห์ แต่ก็เด็ดเดี่ยวกล้าตายทุ่มเกินร้อยเสมอในเวลาปฏิบัติหน้าที่ ส่วน Lawrence ก็ออกแนวฮาครับ แม้หุ่นจะไม่สมาร์ทเท่า Smith แต่พี่แกมีความขำและความน่ารักเป็นอาวุธ เรียกว่าการเฉลี่ยความเด่นของ 2 ตัวนำนั้นทำได้น่าพอใจครับ ส่วนบทสมทบทั้งหลายก็ถือว่าน่าจดจำ ไม่ว่าจะ Leoni ที่ดูสวยเด่นพอตัว, Tchéky Karyo ในบท ฟูเช่ต์ จอมวายร้ายประจำเรื่อง ที่รัศมีดีกรีโหดจัดว่าน่าพอใจ และที่ลืมไม่ได้คือ Joe Pantoliano ในบทผู้กองฮาเวิร์ด หัวหน้าของ 2 หน่อที่เจอหน้าไมค์และมาร์คัสทีไรเป็นอันด่าลูกน้องกราดจนลืมบ้านเลขที่ทุกที
ครับ หนังมันส์ ดูสนุก แม้อะไรๆ ก็อาจยังไม่ลงตัวเต็มที่ แต่ก็ได้พลังจากองค์ประกอบต่างๆ มาค้ำยันหนังเอาไว้ ไม่ว่าจะดาราดี แอ็คชั่นมันส์ และภาพกระตุ้นอะดรีนาลีน เพียงแต่ลูกเล่นบางประการอาจยังไม่เยอะ แต่ก็พอเข้าใจครับเพราะนี่เป็นงานกำกับหนังใหญ่ชิ้นแรกของ Bay ต้องรอจนงานชิ้นต่อไปของเขาอย่าง The Rock ที่อะไรต่อมิอะไรที่ยังไม่ลงตัวค่อยดูกลมกล่อมลงตัวมากขึ้น
และอีกสิ่งที่ช่วยเสริมความมันส์ระห่ำได้พอตัวคือดนตรีของ Mark Mancina (Speed, Assassins, Twister และ Money Train) โดยเฉพาะครึ่งหลังนี่จัดเต็มอย่างมันส์จริงๆ สำหรับสารพัดดนตรีทั้งหลาย เข้ากับงานภาพหวือหวาของ Bay มากๆ

ส่วนเกร็ดหนังที่อยากเล่าก็คือ แรกเริ่มเดิมทีคนที่จะมาแสดงคู่กันในเรื่องก็คือ Eddie Murphy และ Wesley Snipes ครับ และตอนแรกบทหนังเรื่องนี้อยู่ในมือ Disney ครับ แล้ว Sony ก็เจรจาขอซื้อบทมาในราคา $3 ล้าน แล้วก็วางแผนว่าจะให้ Martin Lawrence มาแสดงนำคู่กับ Arsenio Hall ดาราและพิธีกรชื่อดังในยุคนั้น แต่ Bay มองว่า Hall ยังไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะ และเขาก็เล็ง Smith ไว้ เพราะตอนนั้น Smith กำลังดังจากซีรี่ส์ The Fresh Prince of Bel-Air เลยทำให้ Smith ได้เข้ามารับบทแทน
ว่ากันว่า Bay ไม่ชอบบทดั้งเดิมสักเท่าไร เลยบอกกับทาง Sony ไปว่าขอเพิ่มงบสำหรับให้คนมารีไรต์บทได้ไหม? ผลก็คือทางค่ายให้มา $10,000 เหรียญ แต่สำหรับสมัยนั้นการจะจ้างใครมารีไรต์บทเนี่ย มันต้องจ่ายเป็นหลักแสนครับ – หลักหมื่นน่ะไม่มีใครมาหรอก
Bay เลยไม่มีทางเลือก หันไปหารือกับ Lawrence และ Smith โดยอาศัยว่าพวกเขาทั้ง 2 เคยผ่านงานซีรี่ส์ซิตคอมกันมาทั้งคู่ Bay เลยบอกให้พวกเขาด้นสดไปเลยแล้วกัน ประมาณว่าตลอดเวลาที่กล้องถ่ายอยู่เนี่ย ถ้าพวกเขาอยากจะด้นอะไรแบบไหนก็จัดไปได้เลย ดังนั้นหลายฉากที่เราเห็นในหนังก็มาจากการด้นสดหน้างานของพวกเขานั่นเอง
และเรื่องยังไม่หมดครับ ด้วยความที่งบถูกจำกัดแบบสุดๆ Bay จึงต้องถ่ายทำหนังแบบประหยัดงบที่สุด เช่นฉากแอ็คชั่นบางฉากเนี่ย ปกติทั่วไปเขาจะใช้เวลาถ่ายทำกันประมาณ 4 วัน แต่ Bay ต้องงัดพลังความสามารถทั้งหมดที่มี มาใช้ในการถ่ายทำให้เสร็จภายในวันเดียว
แต่ที่หนักสุดคือในฉากไคลแม็กซ์สุดท้ายของเรื่อง ทางค่ายแทงเรื่องลงมาเลยว่าจะไม่มีการเพิ่มงบให้แล้วนะ Bay ก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออกเลยครับ จนในที่สุดเขาเลยตัดสินใจเอาเงินค่าแรงของตัวเองนี่แหละ เอามาใช้ไปกับการถ่ายทำฉากสุดท้ายนั่น – เรียกว่างานนี้ Bay ทุ่มสุดตัวแบบจริงๆ ไปเลย
และ Bay ยังเคยออกมาบ่นว่าแม้งบสร้างอย่างเป็นทางการของหนังจะอยู่ที่ $17 ล้าน แต่เอาเข้าจริงเขาได้ใช้งบในการสร้างไปเพียง $9 ล้านเท่านั้น เพราะค่าตัวของ Lawrence อยู่ที่ $6 ล้าน ส่วน Smith อยู่ที่ $2 ล้าน หักไปหักมาเลยเหลือให้ Bay เอาไปใช้ประมาณ $9 ล้าน – แต่บ้างก็บอกว่างบสุทธิสุดท้ายไปจบที่ประมาณ $19 หรือ $23 ล้านครับ – แต่ไม่ว่างบตัวไหนจะเป็นงบจริงก็เถอะ ก็ต้องยอมรับว่า Bay ได้ทุนในการสร้างจำกัดจริงๆ
แต่เมื่อหนังได้ออกฉาย ก็ทำเอาหลายฝ่ายหายเหนื่อยไปตามๆ กัน เพราะหนังทำเงินไปทั่วโลก $141 ล้าน ซึ่งก็กำไรแน่นอนและแจ้งเกิดให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
สำหรับยุคนั้นหนังถือว่าทำออกมาได้มันส์สะใจ แม้เอามาดูยุคนี้ก็ยังรู้สึกเพลินอยู่ครับ
สองดาวครึ่งครับ

(7/10)
หมวดหมู่:Action, Comedy, Crime, Movie Reviews










