ท่านที่อ่านรีวิวของผมมาตั้งแต่สมัยแรกๆ ย่อมจำได้นะครับว่ามีอยู่ระยะหนึ่งผมจะเอาหนังสยองขวัญแบบ 3 เรื่องสั้นในหนังหนึ่งเรื่องมาเล่าให้ฟังบ่อยๆ เพราะผมชอบหนังแนวนี้ครับ ส่วนมากหนังสยองแบบตอนสั้นๆ ราว 20 – 30 นาทีมันมักจะสนุก น่าติดตามและกระชับ เล่าเรื่องได้ตรงประเด็น
ซึ่งถือว่าเป็นข้อได้เปรียบครับถ้าเทียบกับหนังสยองเรื่องยาวๆ เพราะส่วนใหญ่หนังสยองยาวๆ มักจะไม่ค่อยมีอะไรครับ พล็อตน่ะแค่ไม่กี่สิบนาที แต่ต้องยืดเยื้อให้มันครบสองชั่วโมงหรืออย่างน้อยก็ต้อง 90 นาที มันเลยกลายเป็นความน่าเบื่ออย่างช่วยไม่ได้
ส่วนเรื่องนี้ก็เป็นหนังสยองที่อัดเรื่องสั้นระทึกขวัญมาทีเดียว 5 เรื่องเลยครับ รวมดาราสยองยุคเก่าไว้เพียบ ลองมาฟังเรื่องเล่าทั้ง 5 กันดีกว่านะครับ เผื่อจะกระตุ้นต่อมอยากดูขึ้นมาบ้าง
หนังเปิดมาก็แนะนำให้คนดูได้รู้จักกับชาย 5 คนที่ขึ้นรถไฟตู้เดียวกัน ต่างคนต่างก็ไม่รู้จักกันครับ และไม่นานผู้โดยสารรายที่ 6 ก็เดินมาถึง เขาแนะนำตัวว่าชื่อ ดร.แซนดอร์ ชเร็ค (Peter Cushing) ที่มาพร้อมไพ่ยิปซีหนึ่งสำรับ ที่เขาอ้างว่าสามารถทำนายอนาคตและบอกชะตาคนได้ ชายทั้ง 5 เลยไม่รอช้า ขอพิสูจน์ความจริงหน่อย และนี่คือเรื่องสยองที่เกิดกับชายทั้ง 5 คน
คนแรก (ชื่อตอน Werewolf)
สถาปนิกหนุ่มที่ชื่อจิม ดอว์สัน (Neil McCallum) ได้เดินทางไปพักผ่อนยังแถบสก็อตแลนด์ ไปยังบ้านของคุณนายบิดดัลท์ (Ursula Howells) ซึ่งบ้านหลังนี้ออกแบบโดยบรรพบุรุษของจิมเองซะด้วย แต่แล้วเขาก็พบกับความลับของบ้าน ตอนเดินลงไปห้องใต้ดินเขาพบว่าโลงศพซ่อนอยู่ และโลงที่ว่านี้เหมือนจะเกี่ยวกับตำนานมนุษย์หมาป่าประจำบ้านหลังนี้ … มันอาจฟื้นขึ้นมาและฆ่าทุกคนได้!
คนที่สอง (ชื่อตอน Creeping Vine)
บิลล์ โรเจอร์ (Alan Freeman) ได้พาครอบครัวไปพักผ่อนยังบ้านตากอากาศ ก่อนจะพบว่าต้นไม้เถาวัลย์ที่นี่เติบโตเร็วอย่างเหลือเชื่อ และมันยังมีชีวิตอีกต่างหาก!
คนที่สาม (ชื่อตอน Voodoo)
บิฟฟ์ ไบเลย์ (Roy Castle) นักดนตรีอารมณ์ดีที่มีอารมณ์ขันตลอดเวลาไม่ว่าจะเจอเรื่องร้ายแค่ไหน วันหนึ่งเขาเกิดเบื่อแนวทางดนตรีของตัวเองเลยไปหาแนวดนตรีใหม่ที่ยังไม่มีมนุษย์คนกรุงรายไหนได้ยินมาก่อน และเขาก็ได้พบว่าดนตรีตามพิธีพวกวูดูนั้นช่างเร้าใจและน่านำไปแต่งเพลงอย่างยิ่ง … แต่ทว่า เพลงวูดูน่ะ มันมีอำนาจลึกลับที่เขาเองก็ไม่ค่อยคาดคิดมาก่อน!
คนที่สี่ (ชื่อตอน Disembodied Hand)
แฟรงคลิน มาร์ช (Christopher Lee) นักวิจารณ์ภาพวาดผู้แสนจะจองหอง อวดดีและชอบใช้อารมณ์ เขาเกิดไม่พอใจที่โดนนักวาดภาพนามอีริก แลนเดอร์ (Michael Gough) มาล้อเลียนจนเขาต้องอับอาย ด้วยโทสะเขาเลยจัดการขับรถพุ่งชนอีริก ซึ่งแม้อีริกจะรอดชีวิตมาได้ แต่เขาก็ต้องเสียมือขวาไป สำหรับศิลปินแล้ว หากไร้มือก็คือไร้ผลงาน อีริกเลยตัดสินใจใช้มือข้างที่ขาดไปนั่นแหละ แก้แค้นให้ตัวเอง!
คนที่ห้า (ชื่อตอน Vampire)
บ็อบ แครอล (Donald Sutherland) ใช้ชีวิตกับภรรยาชาวฝรั่งเศสนามว่านิโคล (Jennifer Jayne) อย่างมีความสุข แต่เขาก็พบกับเงื่อนงำน่าสงสัยว่าภรรยาอาจเป็นแวมไพร์!
ถ้าวัดดีกรีความสยองน่ากลัวแล้ว คนรุ่นใหม่อาจไม่เห็นว่ามันจะน่ากลัวตรงไหน ยิ่งถ้าชอบสไตล์หนังเชือดเลือดสาดล่ะก็อาจเฉยกับเรื่องนี้ครับ เพราะมันไม่ได้แหวะ แต่มันจะเน้นความสยองจากเรื่องที่ดูเหมือนจะปกติ แล้วมันก็ค่อยๆ น่ากลัวขึ้นๆ เปรียบได้กับเป็นการเปิดประตูพาคนดูไปสู่โลกที่บิดเบี้ยว โลกที่ลี้ลับซึ่งอาจอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากตัวคุณ ดูแล้วบางทีก็อดผวาไม่ได้ ว่ามันจะเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้กับเราหรือไม่ เพราะมันดูเป็นไปได้นะครับ มันเกิดที่บ้าน ที่ห้องใต้ดิน หรือแม้แต่ต้นไม้แถวบ้านก็ตาม ใครจะรู้ล่ะครับว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีจริง
หนังจัดว่าเน้นความสยองจากเรื่องราวและบรรยากาศความหลอนครับ แล้วก็ดนตรีแบบหวือๆ ช่วยสร้างอารมณ์อีกต่อหนึ่ง
สำหรับผมจุดที่ชอบคงไม่ใช่ความสยองหรอกครับ แต่ชอบตรงการแสดงของเหล่าดารามากกว่า แหม ดาราสยองขวัญมารวมตัวกันทั้ง Cushing, Lee และ Gough สามเจ้านี้ก็ดาราก้นกุฏิจากค่าย Hammer Films ที่ขัยนทำหนังสยองออกมาเพียบเมื่อยุค 80 น่ะครับ ฝีมือดีจริงๆ แล้วยังได้เจอ Sutherland ตอนยังหนุ่มๆ ด้วย หน้าแกดูเอ๋อดีนะครับ แต่พอโตขึ้นมานี่โหงวเฮ้งจับกว่าเยอะเลย
ผมคงไม่อาจฟันธงได้นะครับว่าคุณจะชอบหนังเรื่องนี้หรือไม่ เอาเป็นว่าถ้าคุณชอบหนังสยองแบบเรื่องสั้นหลายเรื่องรวมกันในหนังเรื่องเดียว (แบบสี่แพร่งอ้ะแหละ) และอยากลองของเก่าๆ คลาสสิกๆ ที่อาจจะไม่สยองมาก แต่ก็เก๋าใช้ได้นะครับ บรรยากาศหลอนแบบหนังเก่าๆ และฝีมือดาราระดับยอดเยี่ยม ทำให้หนังเรื่องนี้ไม่ได้สยองมาก แต่ดูดีและน่าติดตาม แบบพวก The Twilight Zone น่ะครับ พิศวงนิดๆ ชวนลุ้นหน่อยๆ
ส่วนผมก็ชอบนะ มันเดินเรื่องได้ไม่เลว แล้วยังได้เจอดาราดีๆ อีก นอกจากนี้การเดินเรื่องยังไม่ยืดเยื้อด้วย มันสั้นครับ แค่ไม่กี่สิบนาทีต่อเรื่องเอง ไม่น่าเบื่อน่ะ เป็นงานกำกับของ Freddie Francis ผู้กำกับที่คลุกคลีกับหนังสยองสไตล์อังกฤษ คนที่ชอบดูหนังสยองของ Hammer น่าจะจำเขาได้นะครับ
แล้วแต่คุณล่ะนะครับ ถ้าอยากลองหนังสยองแบบเก่าๆ เก๋าๆ ที่ตามรอย The Twilight Zone และ Night Gallery มา อีกทั้งยังเป็นต้นกำเนิดให้กับหนังสั้นสยองจบในตอนแบบ Tales From the Crypt ด้วย ถ้าติดใจเรื่องแบบนี้ ลองลิ้มรสหน่อยก็ไม่เสียหลายครับ
สองดาวครึ่งสำหรับความเก๋าและสยองแบบอังกฤษครับ
(7/10)