
ภาคต่อครับ การกลับมาอีกครั้งของความใหญ่ เอ้ย ความสยอง ของฆาตกรมือตะขอที่มาเพื่อคิดบัญชีกับจูลี่ เจมส์ (Jennifer Love Hewitt) และ เรย์ บรอนสัน (Freddie Prinze Jr.) คู่หนุ่มสาวบาปหนักที่เจอฆาตกรจองเวรไม่เลิกรา
เหตุเกิดปีต่อมา จูลี่ก็ยังคงรู้สึกแย่อยู่กับเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น ฝันร้ายทุกคืน ดีที่ได้เพื่อนหญิงใจดีอย่างคาร์ล่า วิลสัน (Brandy Norwood) คอยปลอบใจ แล้วในเวลาต่อมาจูลี่ได้รางวัลไปเที่ยวตากอากาศที่เกาะสวาทหาดสวรรค์ โดยไปพร้อมกับ ไทเรลล์ (Mekhi Phifer) แฟนของคาร์ล่า และ วิลล์ เบนสัน (Matthew Settle) พ่อหนุ่มที่แอบชอบจูลี่อยู่ไปเที่ยวด้วยกัน
แต่เรื่องก็เริ่มแปลกๆ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ไปถึง เพราะมันไม่ใช่เทศกาลท่องเที่ยวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันเข้าหน้าฝนจนไม่มีทางที่พวกเขาจะออกไปเล่นน้ำทะเลได้ ตามด้วยประโยคปริศนาที่เขย่าขวัญจูลี่จนกระเจิงว่า I Still Know
หรือเจ้าฆาตกรมันยังไม่ตาย … หรือใครกำลังเล่นตลกกับพวกเธอ
แต่ที่แน่ๆ งานนี้ไม่ใช่ตลกธรรมดา เพราะมันฆ่าคนด้วย แล้วงานนี้พวกเขาจะรอดไปได้หรือไม่ ใครจะตายอีกบ้าง และใครคือฆาตกรกันแน่
เฮ่อ ท่านครับ มันเข็นภาคต่อมาแบบกะเกาะความดังภาคแรกอย่างชัดเจน ซ้ำจุดขายสำคัญก็คือ Hewitt แบบเต็มที่ เอาแค่ฉากใส่ชุดคลุมอาบน้ำออกมาเดินนี่ก็ใช่แล้วน่ะครับ เจตนามันชัดเจนเลย ส่วนพวกผมก็ดูโดยเจตนาพอกัน ทำไงได้ครับ จงใจขายผมก็จงใจดูอ้ะ เดี๋ยวไม่คุ้ม
แต่นอกนั้น บทหนังออกมาเหมือนจะให้ซับซ้อนนะ แต่มันก็ไม่เท่าไหร่อ้ะ หลายอย่างดูไม่มีเหตุผลเท่าที่ควร ยิ่งไปกว่านั้น คือผมรู้สึกไม่โอเคกับการที่ “ตัวละครไม่หาทางช่วยชีวิตตนเอง จนไม่น่าให้อภัย” ในหลายๆ ฉาก อย่างตอนที่จูลี่โดนฆาตกรจับขังในเครื่องอาบแดด (แบบที่ทำให้คนตายอย่างสยองใน Final Destination 3 น่ะครับ) ฆาตกรนั่นก็ใช้เส้นพลาสติกมาซีลติดไว้ กันไมให้จูลี่เปิดออกมาได้ คือเจ๊ไม่มีแรงก็พอเข้าใจครับ เพราะเส้นพลาสติกมันก็แข็งแรงใช่เล่น แต่คนอื่นๆ ที่มาช่วยนี่ก็ตื่นตระหนักกันหนักมาก จริงๆ ถ้าใจเย็นหน่อย หาอะไรมาตัดพลาสติกหรือหาทางปิดเครื่องซะก็น่าจะได้

ยังไม่พอครับ ฉากที่ประทับใจมาก เมื่อเพื่อนคนหนึ่งในหมู่ของจูลี่ตกลงไปในเรือนเพาะต้นไม้ที่ประตูถูกล็อค และเจ้าฆาตกรก็อยู่ในนั้น พวกจูลี่เลยต้องหาทางพังประตูให้คนๆ นั้นออกมาก่อนฆาตกรจะเดินมาถึง จนกระทั่งจูลี่หาขวานมาได้ (ประมาณขวานผ่าควายน่ะครับ อันเบ่อเร่ออ้ะ) เอามาเพื่อฟันกุญแจที่ประตูที่ล็อคให้พังออก คนที่ตัดอยู่จะได้หนีออกมาได้ ปรากฎว่าทำสำเร็จครับ คนที่อยู่ข้างในก็หนีมา เจ้าฆาตกรก็ยังเดินตรงมาหาพวกเจ๊จูลี่ ทั้งๆ ที่จูลี่ถือขวานผ่าควายในมือ …
ตอนดูในโรงคิดเลย มันต้องฉะกันแน่นอน!
แต่ที่ไหนได้ เจ๊ดันโยนขวานทิ้งแล้ววิ่งหนีต่อ!
คือ… เจ๊เขวี้ยงขวานทิ้งทำไมครับ อาวุธน่ะเจ๊ Weapon น่ะ ไม่คิดใช้ต่อสู้เลยเหรอ คือถ้าไม่กล้าสู้ อย่างน้อยก็ถือไว้ป้องกันตัว ไม่ใช่ทิ้งไว้แบบนั้น เพราะดีไม่ดีฆาตกรจะได้อาวุธใหม่ไปอีกนะนั่น ผมล่ะนั่งเกากบาลเลยครับ
โดยส่วนตัวผมมองว่า หนังเบากบาลมากครับ แม้บรรยากาศจะใช้ได้ก็ตาม จริงๆ บรรยากาศมืดๆ โอเคเลยนะครับ มีผีโผล่มาก็ไม่แปลกใจอ้ะ ดาราสมทบก็ไม่เลว อย่าง Bill Cobbs ในบท เอสเตท คนยกกระเป๋า, Jeffrey Combs นี่คือเจ้าของบทโรคจิต ดร.เฮอร์เบิร์ต เวสต์ ในเรื่องมาเป็นมิสเตอร์บรู๊คเจ้าของโรงแรม ที่ทำตัวอย่างกับเป็นฆาตกรแน่ะ (แต่ไม่มีทางใช่ ท่านทราบใช่ไหมครับ) หรือดาราสาวสุดเซ็กซี่ Jennifer Esposito ก็มาแสดง แต่หนังมันดันอ่อนซะจนน่าตลกในหลายๆ วาระไปเลย
ว่ากันว่าบทดั้งเดิมนั้นเขียนโดย Stephen Gaghan กับ Trey Callaway ซึ่งรายหลังไม่เท่าไหร่ แต่รายแรกนี่คือคนที่ทำ Traffic ในเวลาต่อมาเลยนะครับ แต่ Gaghan เองก็คงไม่ชอบบทที่ถูกดัดแปลงไปขนาดนี้เลยขอถอนชื่อออกทันที เหลือแค่ Callaway คนเดียว ส่วนผู้กำกับ Danny Cannon นี่ก็เสียรังวัดไปเยอะ แกเคยทำ Judge Dredd มาก่อน เรื่องนั้นยังโอเคนะครับ แต่เรื่องนี้นี่ไม่เวิร์กเลยอ้ะ
กระนั้นหนังก็ยังทำเงินนะครับ ทำในอเมริกาไปราว $40 ล้าน ส่วนรายได้ทั่วโลกน่าจะอยู่ที่ $84 ล้าน ในขณะที่ทุนสร้างอยู่ที่ราวๆ $24 ล้าน – แต่ก็มีข้อมูลหลายแหล่งบอกว่าทุนสร้างจริงๆ บวกค่าโฆษณา ค่าโน่นค่านี่น่ะไปเข้าไปน่ะ มันมากถึง $65 ล้านเลยนะ แต่ทางสตูดิโอก็ได้ออกมาปฏฺิเสธว่าไม่เป็นความจริง ยืนยันว่าทุนแค่ $24 ล้านเท่านั้น ก็ว่ากันไปน่ะนะครับ เอาเป็นว่าถ้าทุนแค่ $24 ล้าน หนังก็ถือว่ากำไรอยู่หน่อยๆ ครับ
ตอนดูรอบแรกสารภาพว่าหงุดหงิดพอตัวครับ แต่พอหลังๆ คิดแล้วขำมากกว่า ทำไปได้น่ะ ก็ไม่ใช่ตอนต่อที่ดีหรอกครับ เข้าข่ายผิดหวังไปหน่อย แต่หากท่านจะดูเพราะ Jennifer Love Hewitt ล่ะก็ จัดไปครับ ไม่ว่ากัน
แต่ถ้าพูดถึงหนัง ไม่ถึงสองดาวแน่นอน

(5/10)
หมวดหมู่:Horror, Movie Reviews, Mystery, Slasher Movies










