The Matrix Revolutions อาจไม่ใช่การสรุปไตรภาคที่ถูกใจแฟนๆ ไปเสียทั้งหมด แต่หากว่ากันถึงสิ่งที่พี่น้อง Wachowski นำเสนอแล้ว ก็ถือว่ายังน่าพอใจครับ
ภาคนี้คือบทสรุปของ 2 ศึกครับ ศึกแรกคือการปะทะระหว่างจักรกลกับคนในไซออน ส่วนศึกที่ 2 คือนีโอ (Keanu Reeves) ตีขั้นแตกกับเอเย่นต์สมิธ (Hugo Weaving) แล้วก็มีเรื่องบทสรุประหว่างมนุษย์กับจักรกลเดอะ เมทริกซ์ด้วย
ถ้าไม่เอาภาคแรกมาเป็นไม้บรรทัด ก็ถือว่าภาคนี้ยังดูได้เพลินๆ ครับ อย่างน้อย Effect ก็ก็โอเค ฉากชาวไซออนปกป้องเมืองด้วยการยืนสาดกระสุนซัดกับเซนติเนลก็ทำออกมาได้น่าตื่นตา จนแอบสงสารคนทำภาพเลยครับ คงเหนื่อยกันน่าดูเพราะรายละเอียดมันเยอะ
หรือตอนไฮไลท์ที่โกคูตีกับฟรีซ เอ้ย ที่นีโอตีกับสมิธ ก็สุดแสนจะ Dragonball Z ครับ และผมก็ชอบนะที่ทีมงานใช้สายฝนมาประกอบฉาก เวลาอัดกันทีก็น้ำกระจาย ชนกันแรงๆ ทีคลื่นพลังก็ซัดน้ำฝนให้เราเห็นถึงความรุนแรงของพลังนั้น นับว่าสร้างสรรค์ดีครับ (ผมว่าพวกเขาคงอยากให้มียิงพลังกันด้วยล่ะครับ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นหนังก็จะหลุดโฟกัสได้)
2 ฉากใหญ่นี่ถือว่าคุ้มแก่การดูอยู่ครับ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายองค์ประกอบก็ยังดีได้อีก เช่น การเดินเรื่องที่ยังมีช่วงเนิ่บช้าไปบ้าง ถ้ากระชับหรือมีรายละเอียดดึงความสนใจมากกว่านี้ หนังก็คงจะดูเพลินขึ้นน่ะครับ
พอมานั่งถามตัวเองว่าทำไมถึงชอบ 2 ภาคแรกมากกว่า ก็คงเพราะมันมีความสดใหม่น่ะครับ อย่างโลกในเมทริกซ์นี่ยิงกันทีซัดกันทีมันมีลูกเล่น แต่กับภาคนี้เรื่องส่วนมากจะดำเนินในโลกจริงที่ดูหม่นมืด ไร้สีสัน การต่อสู้ปะทะกันก็ไม่เหนือโลกเท่าตีกันในเมริกซ์ และบางช่วงหนังยังเดินเรื่องเนิ่บๆ ก็เลยทำให้ความเพลินมีขึ้นมีลงบ้าง
มีสปอยล์นิดหน่อยนะครับ ไม่อยากทราบข้ามได้
++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมชอบบทสรุปครับ มันก็คือการลงเอยด้วยวิธีสมานฉันท์นั่นแหละ และมันก็เป็นการสื่อง่ายๆ ว่าเมทริกซ์เองก็ไม่สมบูรณ์ มันเกิดความผิดเพี้ยนบิดเบี้ยวขึ้นได้เสมอ ซึ่งจุดอ่อนที่ว่านี้ก็คือจุดอ่อนที่จักรกลเคยมองว่ามีแต่ในมนุษย์เท่านั้น
และยังสื่อความจริงว่าทุกสรรพสิ่งล้วนต้องพึ่งพาอาศัยกันครับ เพราะทุกสิ่งล้วนมี “จุดแข็ง” ของตน ซึ่งโดยส่วนตัวผมมองว่ามันมีไว้ช่วยพยุง “จุดอ่อน” ของสิ่งอื่นๆ เหมือนธรรมชาติสร้างสรรพสิ่งออกมาให้เป็นดั่งจิ๊กซอว์ของกันและกัน และคอยรักษาสมดุลย์ของกันและกัน
สรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็น “ช่างซ่อมแซม” ให้กับสิ่งอื่นที่อยู่ร่วมโลกเสมอ แต่สิ่งไหนมีหน้าที่ซ่อมอะไรก็ต้องมาพิจารณากันอีกที
ก็ชวนให้ย้อนมองโลกครับ ทุกวันนี้มนุษย์ก็คล้ายกับเมทริกซ์ เพราะเราก็ใช้ทรัพยากรอื่นๆ เป็นดัง “แบตเตอรี่” ไว้สูบพลังเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองไปเรื่อยๆ
หรือการที่เราเอาแต่เป็น “ฝ่ายเสพ” โดยไม่คิดจะเป็น “ฝ่ายสร้าง” แบ่งปันให้โลกบ้าง สมดุลย์ย่อมสะเทือนและส่งแรงกระเพื่อมมาถึงเรา ไม่มากก็น้อย
การเมียงมองหาวิธีสมานฉันท์, การอยู่ร่วมกันระหว่างเรากับสรรพสิ่ง หรือการเมตตากรุณาคิดถึงเขา คิดถึงเรา และคิดถึงสิ่งอื่นๆ ร่วมโลก ก็อาจเป็นเสมือนหนึ่ง “เรือโนอาห์” ที่จะนำพาพวกเราให้รอดพ้นจากน้ำท่วมโลก (ภัยพิบัติ) สมัยใหม่ก็เป็นได้
หวังว่าเราจะหนีน้ำท่วมโลกครั้งต่อไปได้ทันนะครับ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สรุปว่าดูได้สนุกครับ แม้จะเสียดายหลายๆ อย่าง (เช่น พี่เมโรวิงเจี้ยนที่มากินมะกอกแล้วหายไปเลย 5555) แต่ก็เชื่อว่าพี่น้อง Wachowski คงทำในสิ่งที่พวกเขาเห็นสมควรไปแล้วล่ะครับ
สองดาวครึ่งครับ
(7/10)
หมวดหมู่:Action, รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, Sci-Fi