
เนื่องด้วยนี่เป็นช่วงการแนะหนังพี่ Van Damme นะครับ แล้วก็เป็นที่รู้กันว่าหลังๆ งานแกสาละวันเตี้ยลง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกครับเพราะแกยังยึดติดแต่งานแอ๊คชั่นเดิมๆ นี่หน่า ดังนั้นนะครับ ผมเลยขอเก็บงานที่หนุกๆ แบบดูได้ของแกไว้พูดทีหลังแล้วกัน เพราะต้องเตือนงานที่ท่านควรระวังไว้ตรงนี้ก่อน 
และนี่คือหนังที่สร้างจากเกมโคตรดัง จำได้มั้ยล่ะครับราวๆ 10 กว่าปีก่อน ถ้าท่านเป็นคอเกมล่ะก็ต้องจำได้ สมัยที่เครื่อง Super Famicom กำลังมาแรง กับเกม Street Fighter II โอย ตอนนั้นล่ะมันส์โคตรๆ ครับ มานั่งกดท่ายิงฮาโดเคนกันอุตลุด สมัยนั้นตอนซื้อมาเล่นแรกๆ ก็ฟังไม่ชัดว่าตัวละครพูดอะไร อาดู้ขิกๆ อะไรก็ไม่ทราบ 5555 ก็ยิงๆ ไป บางทีท่าออกก็กระชากจอยแทบฟัง แต่มันส์จริงๆ ครับ เล่นไปได้อารมณ์จริงๆ
แล้วด้วยความดังสุดๆ ของเกมก็ทำให้ผู้สร้างหนังชื่อดังในตอนนั้นอย่าง Edward R. Pressman ที่เคยสร้างหนังดังๆ อย่าง Conan the Barbarian, Conan the Destroyer, Wall Street, Hoffa, The Crow แล้วก็ Judge Dredd เกิดสนใจครับ เลยหาทางติดต่อกับ Capcom เอามาสร้างเป็นหนังใหญ่ซะเลย โดยทุนก็ลงไปปานกลางครับ $35 ล้าน แล้วก็มอบหน้าที่กำกับให้แก่ Steven E. de Souza มือเขียนบทมือดี (ในตอนนั้น) ที่มีผลงานเยี่ยมๆ อย่าง Die Hard 2 ภาคแรก, 48 Hrs. แล้วก็ Ricochet มาจับงานกำกับหนังใหญ่เป็นครั้งแรก! โอ้ ท่าทางจะสนุกนะครับ ทีมงานมารับประกันอย่างนี้ แล้วก็ยังได้ Jean-Claude Van Damme มารับบทนำ แหม กะจะขายกันเต็มที่เลยนะเนี่ย
แต่ถ้าดูจากตัวหนังล่ะก็ สารภาพว่าพูดไม่ออก! 
คือ … ผมรู้ครับว่าพวกพี่อยากได้เงินจากพวกชอบเกมอย่างผมน่ะนะครับ คือผมยอมนะ ยอมจ่ายให้ ยอมควักตังค์เข้าโรงไป ให้จ่ายค่าตั๋วแทนแฟนเพื่อนด้วยก็ยังได้ถ้าหนังมันดีจริง คุ้มกับที่อุตส่าห์เสียเวลาไปดู แต่พี่เล่นมักง่ายแบบนี้จะว่ายังไงล่ะครับโธ่ 
หนังมันอะไรก็ไม่ทราบครับ มีความพยายามในการยำมาก เนื้อเรื่องหลักๆ เหมือนจะใช่ครับ นั่นคือตัวร้ายที่ชื่อนายพลเอ็ม ไบสัน (Raul Julia) ผู้ครองครองอาณาจักรชาดาลูอยู่ แล้วก็มีแผนชั่วตามแบบของมันน่ะแหละ จะทำลายนั่น ทำลายนี่ หากอเมริกาไม่ยอมทำตามข้อเรียกร้อง แล้วก็ยังค้ายาอีก ทำให้ทางอเมริกาส่งผู้การวิลเลี่ยม เอฟ กิลล์ (Jean-Claude Van Damme) มานำทีมในการสู้รบกับพวกมัน

ครับ นี่คือเรื่องหลักๆ ที่พอจะบอกได้ว่ามันค่อนข้างเกี่ยวกับเกมบ้าง แต่นอกนั้นบทก็ยำกันมันส์มากๆ ครับ เหมือนกับแค่พยายามจะหาที่ว่างยัดตัวละครลงในหนังให้ครบทุกตัวเท่าที่มีในเกม เอาเข้าจริงเนื้อเรื่องมีแค่คนกลุ่มหนึ่งจะทำลายโลก ส่วนอีกกลุ่มก็จะร่วมมือกันต่อสู้กับวายร้าย แล้วตอนท้ายก็มายกพวกตีกัน ซึ่งผมว่าท่านๆ สามารถเดาตอนจบได้อย่างแน่นอนว่าใครจะชนะ
ก็พอเข้าใจครับ การจะยัดเอาตัวละครสิบกว่าตัวลงในหนังเรื่องเดียวน่ะมันยาก แล้วหากจะคงเรื่องคงคาแร็คเตอร์ไว้ก็ยิ่งยากมากขึ้น ดังนั้นการดัดแปลงมันย่อมต้องมีบ้าง โอเค อันนี้พอเข้าใจ แต่คือถ้าพี่ตั้งใจจริงเนี่ยนะครับ ผมว่าพี่เอาไปทำเป็นซีรี่ส์จะดีกว่ามั้ย คืออันนั้นค่อยๆ ทำไปทีละตอน ตอนแรกก็ไม่ต้องใส่ตัวละครไปครบ แค่ใส่ทีละคน แล้วก็ค่อยๆ เฉลี่ยเกลี่ยบทไปแบบนั้นมันยังถือเป็นการทำเพื่อแฟนๆ เกมได้บ้าง เพราะทำด้วยใจไงครับ อยากให้แฟนๆ เกมได้ดูหนังหรือซีรี่ส์ที่ทำเพื่อให้คนที่ชอบเกมนี้ได้ดูแบบเต็มอารมณ์
แต่ขอโทษครับ ดูในเรื่องนี่บอกได้เลย พี่ทำไปกะหวังเงินอย่างเดียวนะเนี่ย
เนื้อเรื่องเมา (แต่ไม่มันส์) มากๆ ยำแบบให้ตัวละครมาให้ครบๆ เนื้อเรื่องเลยจับฉ่ายใส่มะระมากครับ อะไรก็ไม่ทราบ แอ็คชั่นก็ไม่ค่อยมีนะจะว่าไป คือดูหนังที่พี่ Van Damme แกเล่นเดี่ยวๆ คนเดียวมันยังตอบสนองความเต็มอิ่มทางหมัดมวยได้มากกว่าตั้งเยอะน่ะครับ มาอันนี้แอ็คชั่นน้อย แล้วน้อยไม่พอยังจืดอีก หนังพยายามเน้นไปที่เรื่องของตัวละครทั้งหลาย ไม่ใช่เน้นปูมหลังหรือปมนะครับ แค่เน้นให้ตัวละครพูดๆๆ ได้ยัดบทพูดใส่ปากตัวละคร ให้เราๆ ได้เห็นว่า “อ้า อันนี้ชุนลีได้พูดแล้วนะ อ้า อันนี้ริวได้พูดบ้าง” คือแค่ให้เห็นว่าพูดน่ะครับ แต่บทพูดมันสาระหามีไม่ คือหลักๆ ก็แค่ช่วยกันหาทางต่อกรกับไบสันเท่านั้นเอง พวกความลึกต่างๆ อย่าไปคาดหวังครับ ไปรีดเลือดจากปูยังจะง่ายกว่าเลยมั้ง
เหมือนผมจะว่าเยอะนะ … ก็ต้องว่าล่ะครับ ตอนนั้นเข้าโรงมาเอาเงินไปก็พอตัวนะ ผมกับพวกเพื่อนผมมากมายจ่ายเงินเข้าไปดู ออกมาแทบจะโดดบันไดเลื่อนกันน่ะ คือเอาเวลาสองชั่วโมงไปเล่นเกม ST II ที่บ้านใครบ้านมันยังจะสุขสันต์กว่าเข้าไปดูหนังตั้งกองสองกอง
เฮ่อ ก็นี่แหละครับ ที่เขียนนี่ออกจะเป็นการล้างแค้นส่วนตัวด้วยหน่อยนึง ก็ต้องเอาซะหน่อยล่ะครับ 555
โอเค สงบสติอารมณ์นิดนึง
… ครับผม ก็ถ้าว่ากันนะครับ หนังมันก็ไม่มีอะไรให้สนุกเท่าไหร่ แอ็คชั่นก็ไม่เยอะ ส่วนมากจะหนักไปทางพูดกัน แต่บทพูดทั้งหลายก็ไม่ได้น่าสนใจเลย เนื้อหาก็เวียนๆ วนๆ คือจะทำเป็นหนังเงียบไปเลยก็ได้สาระพอกันน่ะครับ บทก็อ่อน
แต่ดารานั้น คือต้องเข้าใจล่ะครับว่าทางฟากฮอลลีวู้ดเนี่ย ดารามักมีความสามารถในระดับหนึ่ง ทำให้ดาราในเรื่องไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ อย่าง Van Damme ก็นับว่าพอไหลไปกับบทได้ แม้จะไม่ลื่นแต่ก็ไม่มีปัญหาครับ บทนายทหารถนัดใช้กำลัง (แต่ไม่ใช้ปัญญาเนี่ย) โอเคเลย หรือจะ Ming-Na Wen ดาราสาวจาก The Joy Luck Club ก็มาแสดงเป็นชุนลี เจ้านี้ก็หายห่วงเรื่องฝีมือล่ะครับ ความสวยก็พอประมาณนะ ส่วนเจ้าอื่นๆ นี่เรื่อยๆ ครับ พอตัว (หมายถึงเจ็บพอตัวนะ 555) แต่รายที่เจ็บตัวหนักสุด คือ Raul Julia ดารายอดฝีมืออีกท่านที่จากไปหลังแสดงหนังเรื่องนี้เสร็จนะครับ กล่าวคือนี่คืองานแสดงชิ้นสุดท้ายของเขา ซึ่งบทนายพลบ้าอำนาจนี่แทบจะไม่ต้องทำอะไรมากมายครับ แค่แสดงไปเรื่อยๆ เท่านั้น ก็น่าเสียดายฝีมือระดับคุณภาพเหมือนกันครับ
เอาเป็นว่านี่ไม่ใช่งานที่น่าจดจำแน่ๆ ล่ะครับ ไม่น่าแปลกใจที่นี่จะเป็นงานกำกับหนังใหญ่ครั้งแรก และครั้งสุดท้ายของพี่ Steven E. de Souza คือพอเสร็จงานนี้แล้วต้องรีบถอยทัพกลับไปรับจ๊อบเขียนบทตามเดิม ไม่งั้นไม่รอดครับ เรื่องนี้ก็โดนบะช่อไปตั้งหลายมีดนี่หน่า แล้วไม่รู้ทำไม หลังจากนั้นดูเหมือนงานเขียนบทแกจะออกปากอ่าวไทยไปสู่ทะเลจีนใต้ครับ ไปไหนก็ไม่รู้อ้ะ หาความเด่นเท่าสมัย Die Hard ไม่ได้อีกแล้ว (สงสัยเจอฤทธิ์ Street เข้าไปเต็มๆ)
เห็นผมบ่นเยอะเช่นนี้ แต่หนังทำเงินไปไม่น้อยนะครับ (สงสัยจะคอเกมทั้งนั้นแหละ) ทำในอเมริกาไป 33 ล้าน แม้จะติดตัวแดงบ้าง แต่รายได้ทั่วโลกนี่ปาเข้าไป 100 ล้านเลยนะครับ เลยพอจะกำไรบ้าง แต่คนที่เจ็บนี่นั่งอยู่แถวนี้แหละครับ นั่งยกให้เป็นหนังที่สร้างจากเกมได้ยอดแย่มากที่สุดเรื่องหนึ่งเลยล่ะ
เฮ่อ เป็นรีวิวที่อุดมด้วยการว่าจริงๆ เลย แต่ก็ว่าไปตามที่คิดล่ะครับ ผมว่าไม่จำเป็นต้องดูหรอกนะครับ หนังค่อนข้างเรื่อยเปื่อยจริงๆ แอ็คชั่นก็ไม่มันส์ เนื้อเรื่องก็อย่างนั้น เหมือนกับเขาเกาะกระแสความดังของเกมมาใช้มากกว่าน่ะครับ เลยไม่ได้คิดเรื่องให้ดี แค่ตีหัวเข้าบ้านน่ะ ดังนั้นตอนนี้หากดูผมว่ามีมึนแน่ๆ
ดาวหนึ่งพอครับ

(4/10)

หมวดหมู่:Action, Movie Reviews










