Action

Darkman (1990) ดาร์คแมน หลุดจากคน

0783226012.01._SS500_SCLZZZZZZZ_V1056487065_

ถ้าพูดถึงชื่อของ Sam Raimi ตอนนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักน่ะนะครับ ก็เป็นที่รู้กันนะครับว่าเขาแจ้งเกิดจริงจังเป็นเรื่องราวตอนทำ The Evil Dead 3 ภาค แล้วชื่อเขาก็ลุ่มบ้างดอนบ้างเรื่อยมาจน Spider-Man นี่แหละที่ทำให้ชื่อเขาคับฟ้าจนทุกวันนี้

แต่ระหว่างนั้นนะครับ เขาก็ทำหนังอยู่เยอะ และจะว่าไปหนังของเขาก็ดีๆ หลายเรื่อง สนุกบ้าง เข้มข้นบ้าง ตามอัตภาพนะครับ (นั่นหมายถึงเรื่องที่ไม่หนุกก็มีเหมือนกัน)

และสำหรับเรื่องนี้ ถือว่าเป็นหนังสนุกของเขาอีกเรื่องหนึ่ง

Darkman เล่าถึงนายเพย์ตัน เวสท์เลค (Liam Neeson) นักวิทยาศาสตร์ที่กำลังค้นคว้าเพื่อที่จะประดิษฐ์เนื้อเยื่อสังเคราะห์ขึ้นมา ซึ่งดูเหมือนจะกำลังถึงทางตันครับเพราะเนื้อที่ว่าน่ะสร้างขึ้นมาได้ แต่กลับคงอยู่ได้เพียง 99 นาทีเท่านั้น ก่อนจะสลายตัวไป เขาก็นั่งหานั่งเพียรเพื่อจะได้คำตอบมาว่าจะทำยังไงให้เนื้อเยื่อพวกนี้คงทนถาวรได้ เพราะหากทำเสร็จนี่มันจะเป็นประโยชน์มหาศาลเลยนะครับ คิดดูคนที่เสียโฉมก็จะมีใบหน้าใหม่ รวมไปถึงการสร้างอวัยวะใหม่อีกด้วย

แล้วด้วยความพยายาม ในวันหนึ่งเนื้อเยื่อก็ทำท่าว่าจะคงรูปครับ แต่ก็เหมือนตลกร้าย ที่เขาดันโดนจอมวายร้ายของเมืองอย่างโรเบิร์ต จี ดูแรนท์ (Larry Drake) กับพรรคพวกมาถล่มห้องแล็ปจนพังยับ ซ้ำยังฆ่าผู้ช่วยของเขาพร้อมทั้งระเบิดที่ทำงานจนแหลก ส่วนตัวเขาเองก็หนีไม่ทันครับเลยโดนแรงระเบิดอัดจนร่างกายไหม้ไฟแบบไม่เหลือดี เสียผิวหนังเกือบหมด หมอก็ลงความเห็นแล้วว่าเขาไม่น่ารอด แต่แล้วจะด้วยความแค้น ความโกรธหรือฮอร์โมนอะไรก็ตาม มันทำให้เขาลุกขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อทวงความเป็นธรรมและสืบหาความจริงว่าไอ้พวกดูแรนท์มาทำร้ายเขาทำไม ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับพวกนั้นเลย

แล้วในที่สุดเขาก็อาศัยสมองอันล้ำเลิศ กับงานวิจัยเนื้อเยื่อของเขาในการประดิษฐ์หน้ากากเทียมขึ้นมา โดยทำการปลอมเป็นคนรอบตัวของดูแรนท์เพื่อทำให้มันฆ่ากันเอง และในที่สุดก็สืบหาตัวผู้บงการอยู่เบื้องหลัง เพื่อช่วยสาวคนรักของเขาให้พ้นจากอันตราย

เขาได้หรือไม่ไม่บอกครับ บอกแค่ว่ามันมีภาคต่ออีกสองตอน (5555) แต่สำหรับเรื่องราวภาคแรกนี่ก็จบในตอนครับ ไม่ได้เป็นไตรภาคแบบต่อเรื่องแบบนั้นหรอก

สมัยเด็กนั้นผมนึกว่านี่เป็นหนังน่ากลัวนะ คือหน้าปกมันก็แปร่งแล้วล่ะครับ ฮีโร่แบบนี้ทำท่าจะมาจากนรกยังไงก็ไม่รู้ แต่มันก็อยากดู เพราะชื่อมันบอกว่า Darkman แล้วมันก็เป็นเหมือนสัญลักษณ์อ้ะ เห็นชื่อหนังเรื่องไหนลงท้ายว่า Man ทีไรมันจะคิดว่านี่ต้องเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่แน่นอน ตอนเด็กเลยกล้าๆ กลัวๆ ครับ จนพอฮึดลองเอามาดูปุ๊บก็ประหลาดดีไอ้ฮีโร่คนนี้ ไม่มีหน้า เปลี่ยนหน้าตีกับผู้ร้ายไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีพลังพิเศษอะไรซักอย่าง บินก็ไม่ได้ แล้วมิหนำซ้ำตัวร้ายยังออกแนวโรคจิตชอบสะสมนิ้วคนอีก ตอนเด็กเลยสับสนทางอารมณ์อย่างแรงครับ เหมือนจะสนุกแต่ก็ยังกึ่มๆ นะ เพราะมีช็อตน่ากลัวอยู่บ้าง

แต่พอตอนโตมาดูอีกทีนี่ไม่ทำอะไรมากครับ ซื้อเก็บเลย

Darkman1Ex

นี่ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่จัดว่าสนุกเข้าท่าของ Raimi นะครับ แม้จะไม่ได้ยอดเยี่ยมเทียบเท่า Spider-Man หรือ The Evil Dead แต่ก็สนุกใช้ได้ อาจจะด้วยความแปลกและอะไรหลายๆ อย่างครับ เลยทำให้หนังมีรสที่เป็นตัวของตัวเองมากๆ และรสที่ว่านี่รู้สึกจะยังผสมไม่กลมกล่อมนะ แต่มันดันไปกันได้ มีแปร่งบ้างแต่ก็ไม่ถึงกับทำร้ายหนัง แม้จะดูไม่เข้ากัน แต่ก็ไปกันได้

หนังจริงๆ แล้วนะครับ มันคือหนังอาชญากรรมแอ๊คชั่น ประเภทพระเอกโดนผู้ร้ายทำร้าย แล้วก็หนีตายไป พอรอดแล้วก็ไปฝึกหรือความสามารถมาล้างแค้นโค่นผู้ร้ายทั้งองค์กร (นึกถึง The Punisher มั้ยครับ) แต่หนังก็ผสมเอาความเป็นหนังระทึกขวัญลงไปด้วย อย่างการที่พระเอกมีหน้าเละ มีฉากโหดใส่มาเกือบตลอด หรืออย่างการล้างแค้นของพระเอกนี่ก็แก้แค้นแบบถึงตายน่ะครับ ให้ตายโหดด้วย ดูไปพระเอกก็ปนสไตล์แอนตี้ฮีโร่เหมือนกัน

แล้วยังมีการผสมเอามุมกล้องสไตล์ Sam Raimi นั่นคือมุมกล้องแบบ เอะอะก็ซูมเข้าหน้า อย่างตัวละครยืนอยู่ไกลๆ กล้องก็จะซูมเข้าหาหน้าอย่างเร็วจนคนดูเหวอเอาได้ครับ (มุมกล้องแบบนี้เป็นเอกลักษณ์ของแกเลยนะ ไม่เชื่อไปใน The Evil Dead สิครับ เหวอตลอด ขนาด Spider-Man ก็ยังมีเลย) มันเลยผสมแบบกึ่มๆ น่ะครับ จะแอ๊คชั่นก็เอา ฮีโร่ก็มี เขย่าขวัญก็ได้ ถ้าถามว่ามันลงตัวมั้ย ผมก็ว่ามันไม่หรอกครับ ดูไปมันยังไม่กลืนเป็นเนื้อเดียว อารมณ์ยังมีโดดบ้าง แต่พอดูทั้งเรื่องกลับโอเคนะครับ พอดีๆ ไม่มากไม่น้อยเกินไป (แต่ถ้าดูครึ่งๆ กลางๆ แล้วเลิกนี่ผมว่าท่านคงค้างคาอย่างแรงล่ะครับ)

ไม่รู้ว่านี่เป็นการลองหนังแอ๊คชั่นฮีโร่แนวทางใหม่ของแกหรือเปล่า แต่ก็ไม่เลวครับ คือดูแล้วก็ยังเป็นหนังของลุง Sam อยู่ดี แม้ว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่ลุงเขาต้องการทั้งหมดก็เถอะ

คืออย่างนี้ครับ แรกเริ่มเดิมทีน่ะ หนังเรื่อง Darkman น่ะ ไม่มีหรอก ลุงแกไม่ได้คิดจะทำเลย เขาคิดจะทำเรื่อง The Shadow ต่างหาก ชาโดว์นี่ถ้าใครเป็นคอหนังก็น่าจะเคยผ่านหูผ่านตานะครับ ถ้าไม่เคยก็ไปอ่านที่ผมเขียนไว้ก็ได้ ชาโดว์นี้คือฮีโร่สมัยละครวิทยุเมื่อยุค 30 น่ะครับ แล้วลุง Sam แกถูกใจมาก เลยอยากเอามาทำเป็นหนังขึ้นจอใหญ่ ก็เลยมีการปั่นบทและติดต่อขอซื้อลิขสิทธิ์ตัว The Shadow นี้มา

แต่ไม่รู้อีท่าไหนครับ การขอซื้อสิทธิ์ดันโดนปฏิเสธ ดังนั้นบทที่ลุงแกอุตส่าห์เขียนมาก็เป็นหมันเลยทีนี้ แต่ก็นั่นแหละครับ เขาอยากทำนี่หน่า เลยมีการเปลี่ยนแปลงเรื่องราว ลุง Sam เลยจัดการเปลี่ยนตัวหลักให้กลายมาเป็นดาร์คแมน ซึ่งแม้หลายๆ อย่างจะไม่เหมือนกับ ชาโดว์เลยก็ตาม แต่หลักๆ ผมว่าก็ยังเหมือนนะ นั่นคือการสู้กับอาชญากร การต้องซ่อนตัวในเงามืด คือทั้งดาร์คแมนทั้งชาโดว์จะไม่โผล่แบบ ซูเปอร์แมนหรือแบทแมนหรอกครับ เขาจะโผล่แบบใช้จิตวิทยา โผล่แต่เสียงให้ผู้ร้ายหวาดผวาเป็นการกวนประสาท ก่อนจะลงมือจัดการ ซึ่งก็เหมือนกันครับดาร์คแมนก็ใช้การปลอมแปลงบ้าง ใช้รูปลักษณ์ลึกลับใต้ผ้าพันแผลบ้าง ในการข่มขวัญก่อนจะลงมือ

เป็นฮีโร่ในเงามืดเหมือนกัน เล่นกับผู้ร้ายด้วยจิตวิทยา และไมได้เป็นพระเอกจ๋าเหมือนกันว่างั้นเถอะ

หนังน่าติดตามไปตลอดครับ เพราะมันมีอะไรให้ตามดู อย่างตอนแรกที่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ก็เริ่มน่าสนใจตรงการทดลองเนื้อเยื่อเทียมนั่น ลุ้นว่าเพย์ตันจะทำได้หรือไม่ แต่พอพวกผู้ร้ายมาถล่มนี่ความน่าติดตามก็ไม่ยั้งล่ะครับ เรื่องการล้างแค้นก็ทำได้ดี ส่วนมากตามปมนั้นก็ไม่มีอะไรนัก เพราะเราก็รู้ๆ กันตั้งแต่กลางเรื่องแล้วล่ะว่าใครทำอะไร เพราะอะไร ที่เหลือแค่รอว่าดาร์คแมนจะไปจัดการวายร้ายตัวใหญ่ได้อย่างไร

แต่หนังก็ยังมีพล็อตรองเป็นเรื่องความรักของเพย์ตัน กับ จูลี่ เฮสท์ติ้ง (Frances McDormand) ซึ่งเขารักมาตั้งแต่ต้นเรื่องแล้วครับ ทำท่าจะไปได้ดี จนเพย์ตันมาโดนระเบิดแล้วเธอก็คิดว่าเขาตายนั่นแหละ แต่ทีนี้หลังจากนั้นพอเขาเป็นดาร์คแมน เขาจะพบเธออีกได้ไง เพราะหน้าเขาไม่เหลือแล้ว หรือแม้จะเอาหน้ากากเทียมมาใส่ก็อย่างที่รู้ มันอยู่ได้แค่ 99 นาทีเท่านั้น จะว่าไปคือเขากับเธอกลายเป็นเส้นขนานไปแล้วน่ะครับ ไม่อาจครองคู่ได้อีก แต่ก็อดลุ้นไม่ได้น่ะแหละว่าจะลงเอยอย่างไร ซึ่งอย่างน้อยมันก็ลงเอยอย่างที่ควรจะเป็นล่ะครับ

นี่ไงฮะ หนังมีหลายรส หลายชาติ ที่แม้จะผสมกันไม่ลงตัว แต่ก็ดูได้ไม่ถือกับอยากบ่นก่นด่า

หนังเลยออกจะเด่นหน่อยตรงการล้างแค้นของดาร์คแมน ซึ่งก็ทำได้ดีครับ การต่อสู้การจัดการ และเงื่อนไขการปลอมหน้าเทียมได้แค่ 99 นาทีก็ช่วยสร้างความตื่นเต้นได้ในหลายฉาก อย่างตอนที่หน้าเริ่มละลายเงี้ยครับ ก็ต้องวิ่งให้ทันไม่งั้นก็ต้องหน้าละลายกลางสาธารณะชน เป็นเรื่องแน่ๆ

อันนี้ก็ถือเป็นงานกำกับที่น่าพอใจของลุง Sam Raimi ล่ะครับ เรื่อยๆ สนุกดี แม้จะไมได้อร่อยเท่ากันทั้งหมด เหมือนสเต็กที่สุกบ้าง ดิบบ้าง พอกล้มแกล้มแต่ไม่เข้าที่เต็มร้อย แต่ก็ไม่เป็นปัญหาครับ ดูได้มันส์ดีเหมิอนกัน

และแทบจะเป็นเครื่องหมายการค้าของลุง Sam ครับ ที่ต้องมีมุมกล้องเหวอๆ ฉากชวนตกใจสยองหน่อยๆ และที่ขาดไม่ได้คืออารมณ์ขันแปลกๆ ในเรื่องจะมีเยอะอยู่ อย่างฉากนึงที่ดาร์คแมนทำการปลอมหน้าใส่ความลูกน้องของดูแรนท์จนดูแรนท์คิดว่าไอ้ลูกน้องคนนี้โกง เลยจัดการโยนมันลงมาจากตึก แล้วกล้องก็แพนลงมาครับ เห็นคนที่เดินผ่านกำลังยืนมองศพเจ้านั่น ก่อนจะแพนขึ้นมาที่หน้าไอ้คนดูอีกที เพื่อจะเผยว่าข้างๆ ตรงนั้นก็มีดาร์คแมนก็ยืนดูอยู่ แต่พี่แกยังสวมหน้ากากของไอ้หมอนั่นไงฮะ ไอ้พี่คนที่มองเลยอึ้ง ทำหน้าเหวอไปเลย

นี่แหละมุขของแกล่ะ

พระเอกของเรื่องรับบทโดย Liam Neeson ซึ่งพี่ท่านก็ไปกับบทได้ดีนะครับ หน้าตาดีดูเป็นคนดีจริงๆ จนเราอดสงสารไม่ได้กับชะตากรรมเลวร้ายที่เขาต้องมาเจอ พวกฉากตอนที่เขาต้องใส่หน้ากากหน้าของเขาเองไปหาจูลี่ แล้วก็ต้องมานั่งอ้ำอึ้ง ไม่กล้าบอกความจริง แววตานี่ปวดร้าวโคตรๆ หรือตอนที่ต้องแสดงความโกรธเขาก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ แววตาน่ากลัวมาเลย แต่ก็ยังแผงความอ่อนโยนอยู่ดี อันนี้ผมว่าเหมาะนะ คือแววตาของเพย์ตันไม่จำเป็นต้องโหดครับ เพราะเขาเป็นคนดีจริงๆ หรือแม้แต่ตอนเป็นดาร์คแมนก็เถอะ แม้จะทำเรื่องโหด แต่ก็เพราะแค้น ไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนชั่วในสันดาน ดังนั้นท่าทางจึงไม่จำเป็นต้องเป็นคนโหดเหี้ยมแต่อย่างใด ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาดีแล้ว ดีมาก

สำหรับบทเพย์ตันหรือพี่ดาร์คแมนนี้นะครับ แรกเริ่มลุง Sam แกมีคนที่จะให้มาเล่นอยู่แล้ว เดาสิครับว่าใคร … ถ้าใครเป็นแฟนหนังลุงแกล่ะเดาได้แน่ๆ เขาคือ Bruce Campbell พี่พระเอกจาก The Evil Dead นั่นแหละ เพื่อนซี้เพื่อนรักแรมปีของลุง Sam เขาล่ะครับ แต่พอลุงเสมอไป ทาง Universal ก็เซย์โนลงมา บอกว่าไม่แน่ใจในศักยภาพของ Campbell คิดว่าชื่อเขาดังไม่พอที่จะดึงคนดูมาเข้าโรงได้ ทำให้นาย Bruce ก็เลยไม่ได้มาเป็นพระเอก

… แต่เอาเข้าจริงๆ นาย Bruce ก็ได้เป็นดาร์คแมนนะ อ้ะ บทรับเชิญไงครับ อันนี้จับตาตอนจบให้ดีแล้วกัน

พอพูดถึงตรงนี้ทำให้ผมนึกได้ เพราะมีข่าวว่ากันตอนหนังออกฉายน่ะครับ ว่าจะมีการสร้าง Series หนังเรื่องนี้ลงทางทีวีหลังจากฉายโรง ซึ่งถ้าให้เดาผมว่าสงสัยพรรคพวกลุง Sam คงมีแผนอยากให้เฮีย Bruce ของผมไปเป็นพระเอกในฉบับทีวีล่ะมั้งครับ แต่พอหนังทำเงินไปราวๆ 33.9 ล้าน การจะทำหนังทีวีเลยพับไปชั่วคราว ไม่ได้มีข่าวตามมาอีก (จนมีการทำภาคต่อใน 4 ปีต่อมา)

ส่วนบทนางเอกก็ได้ Frances McDormand รับไป ซึ่งขอบอกครับ ว่าตอนแรก บทจูลี่ที่ว่านี่มีคนแคสติ้งแล้ว ผ่านแล้ว และเกือบจะได้เล่นแล้ว แต่เผอิญดาราสาวคนนั้นไปแคสอีกบทหนึ่งผ่านก่อน เธอเลยจากไปครับ บทที่ว่านั่นคือบทวิเวียน โสเภณีใจงามแห่งหนังเรื่อง Pretty Woman … ถูกแล้วครับ เจ๊ Julia Roberts นี่เอง แต่ผมว่านะเจ๊ Frances ดูเหมาะกับสไตล์เรื่องราวมากกว่า นี่ไม่รู้ว่าถ้า Julia เธอมาเล่นหนังจะแปลกไปจากนี้รึเปล่า

ส่วนบทวายร้ายอย่าง Larry Drake ก็ทำได้สบายเพราะหน้าลุงแกดูน่ากลัวอยู่แล้วครับ เหมือนปีศาจตัวอ้วนๆ ที่พร้อมจะสังหารทุกชีวิต แววตาก็โหดพอควรแล้ว ยังมีบุคลิกหลายอย่างโหดๆ อีก อย่างการฆ่าคนอย่างโหดๆ ไม่เหมือนใคร การสะสมนิ้วเหยื่อ เอาแค่ฉากแรกที่เขาเล่นงานเหยื่อก็แสดงความโรคจิตได้เยอะทีเดียว จริงๆ ผมก็แปลกใจครับที่เขาไม่ดังเท่าไหร่ ทั้งๆ ที่มีหน้าตาเป็นเอกลักษณ์เพราะตัวอ้วนๆ กลมๆ แต่ตาแฝงความประหลาดเอาไว้ หลังจากหนังเรื่องนี้เขาก็ไปเล่นเป็นหมอโรคจิตใน Dr.Giggle ที่แม้หนังจะไม่ได้ยอดเยี่ยมจนน่าดู แต่จุดเด่นของหนังก็หนีไม่พ้นการแสดงของเขาน่ะแหละ

นอกจากนี้บทร้ายอีกคนที่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังดูแรนท์ก็คือ หลุยส์ สตาร์ค อันว่าบทนี้ก็ไม่ธรรมดานะครับ เพราะจริงๆ แล้วเคยมีชื่อของดาราระดับ Richard Dreyfuss และ James Caan ขึ้นแท่นมาแสดง แต่ทั้งสองก็ปฏิเสธทั้งคู่ ไม่รู้เพราะอะไร อาจเพราะบทไม่น่าสนใจพอมั้งครับ เพราะถ้าดูจากหนังล้วนๆ บทนี้แม้จะเป้นจอมบงการ แต่ก็ไม่ได้มีสีสันเท่าไหร่ ส่วนคนที่มาแสดงก็คือ Colin Friels ซึ่งก็เงียบหายไม่ค่อยขึ้นมาดังให้เราเจอเท่าไหร่

ในเรื่อง Effect เมคอัพนั้นออกมาดีครับ งานด้านภาพก็ดี ดนตรีก็เยี่ยมครับ คนทำไม่ใช่ใคร เขาคือ Danny Elfman นั่นเอง ทำให้ธีมของหนัง Darkman ออกมาทะมึนแต่ก็แฝงกลิ่นอายฮีโร่เอาไว้ไม่น้อยเหมือนกัน

เป็นอีกผลงานที่น่าลองครับ แม้งานจะไม่ได้ลงตัวทั้งหมด แต่ก็ดูได้สนุก พอเพลิน ไม่เสียทีที่ได้ Sam Raimi ทำ

สองดาวครึ่งครับ

Star22

(7/10)

ใส่ความเห็น

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Twitter picture

You are commenting using your Twitter account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

This site uses Akismet to reduce spam. Learn how your comment data is processed.