Action

Spy Kids 2: Island of Lost Dreams (2002) พยัคฆ์ไฮเทค ทะลุเกาะมหาประลัย

MV5BNWM2N2JjYzYtYWIyNS00NDc3LWFkNDctMmYwOWQyZTcxYjZhXkEyXkFqcGdeQXVyMTQxNzMzNDI@._V1_SY1000_CR0,0,674,1000_AL_

1 ปีต่อมา เขาก็กลับมาอีกครั้งครับ ผู้กำกับ Robert Rodriguez (El Mariachi, Desperado, Spy Kids) พาเอา 2 พี่น้องคาร์เมน (Alexa Vega) กับจูนิ (Daryl Sabara) กลับมารับหน้าที่สายลับจิ๋วอีกหนใน Spy Kids 2: Island of Lost Dreams โดยหนนี้พวกเขาทำงานให้กับองค์กร OSS แบบเต็มตัวครับ

และภารกิจก็คือ การเดินทางไปยังเกาะลึกลับที่ว่ากันว่ามีสัตว์ประหลาดเพ่นพ่านเต็มไปหมดและจากประวัติที่ผ่านมา ใครก็ตามที่ย่างกรายเข้าไปในเกาะนี้ จะไม่มีวันได้กลับออกมาอีกเลย เอาล่ะสิครับ แล้ว 2 สายลับจิ๋วเราจะรอดออกมาได้อย่างไร และความลับบนเกาะที่ว่านั้นคืออะไร

ดาราหน้าเก่ากลับมาครบทีมครับ นอกจากสองพี่น้องคอร์เตซแล้ว คุณพ่อคุณแม่คอร์เตซก็ตามมารับบทเดิม (Antonio Banderas ในบท เกรกอริโอ้ กับ Carla Gugino ในบทอิงกริด) แล้วเรายังจะได้เจอกับพ่อตาแม่ยายของเกรกอริโอ้ด้วยนะครับ ซึ่งได้ Ricardo Montalban กับ Holland Taylor มาเล่น ซึ่งจุดนี้ก็เพิ่มเสียงฮาได้อีกโขครับ เพราะในเรื่องนั้น เกรกอริโอ้กับพ่อตาแม่ยายโคตรจะไม่กินเส้นกันเลย หากเรื่องเหน็บแนมกันได้ตลอด แค่ฉากแรกที่พวกเขาเจอกัน ก็เรียกเสียงฮาได้พอสมควรแล้วล่ะ

ภาคที่แล้วหนังลงทุนราวๆ $35 ล้านครับ ส่วนภาคนี้ลงไปประมาณ $38 ล้าน เรียกว่าลงทุนในระดับกลางๆ ในขณะที่เนื้องานออกมาก็ถือว่าพอได้ โอเคครับถ้าว่ากันถึงงาน CG มันอาจไม่ได้เนี๊ยบอะไรมาก บางฉากถือว่าดี แต่ฉากที่ CG ดูลอยๆ หลอกๆ ก็มีอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน หรือบางฉากก็ดูทำออกมาแบบง่ายๆ อย่างฉากที่ซ่อนของโรเมโร่ (Steve Buscemi) นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ติดอยู่บนเกาะนั่นเป็นต้น ดูเป็นฉากง่ายๆ แอบทุนต่ำหน่อยๆ

ดาราสมทบนี่ก็เพียบและมืออาชีพทั้งนั้น ไม่ว่าจะ Buscemi ที่โผล่มาแบบเพี้ยนๆ ตามเคยครับ … อ้าใช่ และในเมื่อมี Buscemi ในหนังของ Rodriguez แล้ว จะไม่มี Cheech Marin กับ Danny Trejo ได้อย่างไร ฮ่าๆๆ การได้เจอหน้าพวกเขาก็ถือเป็นความสนุกเล็กๆ สำหรับแฟนหนังของ Rodriguez ล่ะครับ

นอกจากนี้ยังมี Christopher McDonald มาเล่นเป็นท่านประธานาธิบดี, Bill Paxton มาเล่นเป็นดิงค์กี้ วิงซ์ เจ้าของสวนสนุกสุดเพี้ยนในตอนต้นเรื่อง (ที่ของเล่นทุกอย่างโคตรจะบ้าครับ) รวมไปถึงการเปิดตัวครอบครัว กิ๊กเกิ้ลส์ ซึ่งก็เป็นครอบครัวสายลับแบบคอร์เตซเหมือนกัน แต่ก็เป็นคู่แข่งกันด้วยนะครับ ก็ได้ Mike Judge เจ้าของบทดอนนาก้อน กิ๊กเกิ้ลส์จากภาคแรกมาเล่นเป็นหัวหน้าครอบครัว แล้วก็ยังมี แกรี่ (Matt O’Leary) กับ เกอร์ตี้ (Emily Osment – น้องสาวของ Haley Joel Osment ครับ) ลูกๆ ทั้งสองที่มาเพื่อแข่งกับสองสายลับจิ๋วตระกูลคอร์เตซโดยเฉพาะ ซึ่งก็ตีกันกัดกันได้แสบไม่น้อย

แล้วก็เช่นเคย ภาคนี้ก็ทำตามความฝันของผู้กำกับอีกแล้ว ซึ่งหนนี้ก็เล่นกับความฝันแนวผจญภัยครับ

คืออย่างนี้ครับ ถ้าใครเกิดทันสมัยโน้นนะครับ ที่พวกหนังผจญภัยกำลังบูม ยุคที่หุ่นสต็อปโมชั่นกำลังเป็นเทคโนโลยีที่น่าตื่นตา – พวกหุ่นปั้นที่เขาต้องถ่ายทีละช็อต ทีละสเต็ปแล้วก็เอาแต่ละช็อตมาต่อกันน่ะครับ ซึ่งผู้ที่เป็นบุคลากรคนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังงานเหล่านี้ก็คือ Ray Harryhausen ครับ-  อย่างที่เราเห็นในหนังผจญภัยยุคก่อนอย่างซินแบดหรือ Jason and the Argonauts หนังเหล่านี้จะมีตัวประหลาดเป็นไฮไลท์เลยครับ แต่ละตอนของซินแบดคนดูก็จะลุ้นกันว่า ซินแบดจะไปเจอตัวประหลาดแบบไหนบ้าง พวกนี้แหละที่มาโผล่ในเรื่องนี้ ลองสังเกตดูครับว่าสัตว์ประหลาดแต่ละตัวที่โผล่ในเรื่องนั้น มันจะเป็นสไตล์เก่าๆ อย่างพวกโครงกระดูกอะไรเหล่านี้ ถือว่าเก่าแก่ของแท้เลยครับ เป็นการคารวะหนังผจญภัยยุคเก่าที่น่ารักทีเดียว

ส่วนตัวหนัง ว่าตามจริงก็ถือว่าอ่อนลงจากภาคแรกอยู่พอสมควร ภาคแรกมันค่อนข้างสนุกเพราะหนังมีเหตุการณ์ให้ 2 พี่น้องต้องตั้งหน้าตั้งตาหนีการตามล่าและตามไปช่วยพ่อแม่ แล้วยังมีเงื่อนไขเชิงเวลาเป็นตัวเร่งเครื่องความลุ้น ในขณะที่ภาคนี้ความตื่นเต้นเร่งเร้าจะไม่ค่อยเยอะครับ หลักๆ คือเน้นไปที่การผจญภัยแบบไปเรื่อยๆ การใช้ไหวพริบเอาตัวรอดก็อาจไม่มากเท่าครั้งก่อน หนังเลยค่อนข้างเรื่อยๆ ครับ คือดูได้ แต่ก็ไม่ได้ชวนติดตามเท่าภาคแรก

รอบแรกที่ผมดูนั้นก็สนุกกับหนังดีล่ะครับ ครั้นพอมาดูรอบหลังๆ เมื่อเวลาผ่านไป ก็รู้สึกว่าหนังมันดร็อปลงจากภาคแรกอยู่บ้าง แต่ก็ยังเพลินอยู่กับสัตว์ประหลาดแบบต่างๆ ที่หนังเอามาเสิร์ฟ ที่ชอบสุดยังคงเป็นเจ้างูยักษ์กลางทะเลนั่นแหละครับ ดูสวย สีสันสดใส แต่ขณะเดียวกันก็ดูน่ากลัวอยู่ในที คือถ้าไปเจอตัวแบบนี้ว่ายอยู่ในทะเลผมก็คงรีบวิ่งล่ะครับ 555 น่ากลัวอยู่นะจะว่าไป

โดยรวมแล้วก็ถือว่ายังพอได้ครับ บทอาจอ่อนลง ความสนุกอาจลดลง แต่ก็ยังดูได้แบบสนุกๆ ดูกับเด็กๆ ก็น่าจะดีนะครับ เป็นความบันเทิงที่ค่อนข้างไร้พิษภัย ซึ่งจริงๆ ก็เป็นเจตนาของ Rodriguez ล่ะครับที่ทำหนังออกมาให้เด็กดู อย่างตัวร้ายในเรื่องก็ร้ายแบบขำๆ ตอนท้ายที่ตีกันก็ออกแนวขำๆ อีกเช่นกัน – การจะดูหนังชุดนี้ให้สนุกก็คงต้องปลุกความเป็นเด็กขึ้นมาระหว่างดูน่ะครับ ดูแบบเอามันส์เอาฮา ดูเสพจินตนาการประมาณนั้น

แต่ส่วนที่ถือเป็นของดีก็คือเหล่าดารานำครับ Vega กับ Sabara ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะจริงๆ สำหรับบท 2 พี่น้อง และ O’Leary กับ Osment ก็ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะอีกเช่นกัน หนังถือว่าไปได้เรื่อยๆ ก็เพราะพวกเขานี่แหละครับ – อันนี้พูดก็พูดเถอะว่าดาราเด็กในหนังระยะหลังของ Rodriguez นั้นไม่เจ๋งเด็ดดวงเท่าดาราชุดนี้สักเท่าไร

ภาคนี้ยังถือว่าประสบความสำเร็จอยู่ครับ ทำเงินทั่วโลกไป $119 ล้าน ถือว่ากำไรอยู่ และเป็นผลให้ได้ไปต่อในภาค 3 ด้วย

และภาคนี้หนังยังคงจับประเด็นครอบครัวมาเล่นครับ ไม่ว่าจะการเชื่อใจกัน การระวังหลังให้กัน คอยดูแลกัน หรือประเด็นที่ค่อนข้างน่าสนใจคือ หากคนในครอบครัวของคุณทำผิด คิดไม่ซื่อ คุณจะล่มหัวจมท้ายทำผิดร่วมกับเขาไหม? หรือจะหาทางแก้ไข ไม่ปล่อยให้เขาผู้นั้นต้องทำผิดซ้ำผิดซา ก็ถือเป็นคำถามที่เข้าท่าอยู่ครับ (ถึงแม้ว่าหนังจะไม่ได้ขยี้ประเด็นนี้เท่าที่ควรก็ตาม)

ถ้าชอบตอนแรกก็ต้องตามมาดูล่ะครับ เหมาะมากสำหรับเด็กๆ หรือผู้ใหญ่ที่ชอบหนังผจญภัยแบบไม่ต้องการเหตุผลอะไรมากมาย

สองดาวครับ

Star21

(6/10)

Untitled04499