
หลังจากผมร่าย Death Proof ของพี่ Quentin Tarantino ไปเรียบร้อยก็ถึงคราวหนังโหดซอมบี้โคโยตี้แข้งปืนกลของพี่น้องร่วมสาบานพี่ Quentin อย่างนาย Robert Rodriguez
หลังจากผมร่าย Death Proof ของพี่ Quentin Tarantino ไปเรียบร้อยก็ถึงคราวหนังโหดซอมบี้โคโยตี้แข้งปืนกลของพี่น้องร่วมสาบานพี่ Quentin อย่างนาย Robert Rodriguez
เป็นหนังในความทรงจำอีกเรื่องครับ จำได้ตอนนั้นผมกำลังจะไปเรียน ร.ด. กับเพื่อนๆ เราเรียนกันช่วงบ่าย ตอนเช้าก็นัดเจอกันที่บ้านเพื่อนคนหนึ่ง ระหว่างรอให้คนมากันครบเราก็นั่งดูหนังทาง HBO ฆ่าเวลาไปพลาง พอดีเรื่องนี้ฉายครับ แล้วเพื่อนคนหนึ่งก็บอกว่า “เฮ้ย เรื่องนี้สนุก” พวกเราก็เลยดูกันเล่นๆ ครับ แต่ไปๆ มาๆ นั่งดูจนหนังจบ พร้อมสรุปความเห็นตรงกันว่า “เออ มันสนุกจริงๆ”
สาธุคุณ เฟรด สุลต่าน (Samuel L. Jackson) โปรโมเตอร์มวยชื่อดัง ที่มีนักมวยในสังกัดอย่าง เจมส์ โรเปอร์ (Damon Wayons) ผู้ไม่เคยแพ้ใคร แต่ก็เพราะไม่เคยพ่ายนี่แหละครับ คนดูเลยหร่อยหรอ ก็ดูๆ ไปมันก็ไม่สนุกอ้ะ ชกยังไงก็ไม่พลิกโผ
มาครับ มาต่อกัน ผมยังไม่เรื่องกับผู้ชายที่ชื่อ Robert Rodriguez นะครับผม หลังจากแนะนำหนังไตรภาคภายใต้ฝีมือการกำกับของเขาไปสองชุดแล้ว (ชุด El mariachi และ Spy Kids) ก็ขอต่อให้จบครับ กับอีกหนึ่งงานไตรภาคที่มี Rodriguez เข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งงานนี้เขาจับมือร่วมงานกับ เพื่อนซี้พี่น้องผู้รู้ใจอย่าง Quentin Tarantino กับงานหนังแอ๊คชั่นเลือกสาดโหดเต็มพิกัด แต่ก็ฮาแทรกเป็นพักๆ
1 ปีต่อมา เขาก็กลับมาอีกครั้งครับ ผู้กำกับ Robert Rodriguez (El Mariachi, Desperado, Spy Kids) ก็พาเอา 2 พี่น้องคาร์เมน (Alexa Vega) กับจูนิ (Alexa Vega) กลับมารับหน้าที่สายลับจิ๋วอีกหน ในภาคนี้พวกเขาก็ได้เป็นสายลับจิ๋วเต็มตัวแล้วล่ะครับ
พี่ Robert Rodriguez นี่ได้ชื่อว่าเป็นผู้กำกับที่ถนัดหนังแนวรุนแรงคนหนึ่งนะครับ ตอนที่พี่ท่านประกาศจะมาทำเรื่องนี้ผมก็ประหลาดใจล่ะครับ ก็เห็นเขาทำหนังกี่ทีนี่จะต้องมีศพเกลื่อนเลือดกลาดทุกรอบ แล้วนี่จะมาทำหนังเด็กมันก็เลยอดรู้สึกแปลกๆ ไม่ได้
ตอนสุดท้ายปิดตำนานของ El Mariachi ครับ เอล มาริอาชี่ (Antonio Banderas) นักฆ่ากีตาร์ปินกลับมาอีกครั้ง ในภารกิจปกป้องแผ่นดินเม็กซิโกจากการรุกรานของกบฏจอมชั่วอย่าง บาริลโล (Willem Dafoe) และ มาร์เกซ (Gerardo Vigil) ซึ่งก็มีการยิงกระหน่ำ ระเบิดเมืองอุตลุดสไตล์พี่ Robert Rodriguez แกล่ะครับ
ภาคต่อของ El Mariachi ที่ว่ากันตามจริงคือ เอาภาคแรกมารีเมคนั่นแหละครับ เพียงแค่ทุนสูงขึ้นจาก 7 พัน เป็น 7 ล้านน่ะครับ เลยทำอะไรได้มากขึ้น อย่างฉากยิงกันในบาร์อะไรเงี้ย มันดูยิ่งใหญ่ขึ้น