เสียดายที่ไม่ได้เขียนถึงหนังเรื่องนี้ตอนมันเข้าโรง เพราะจริงๆ ดูแล้วชอบครับ ชอบตัวเรื่อง ชอบองค์ประกอบ และชอบเสียงพากย์ (โดยคุณจักรกฤษณ์ แต่ตอนลงแผ่นจะเป็นคนละทีมพากย์ เสียดายเลยครับ)

แต่ตอนนี้ที่คิดถึงหนังเรื่องนี้ก็เพราะนึกถึงพี่ Ben ครับ สงสารแกที่หลายเรื่องรุมเร้า เลยอยากเอามาเขียนบอกเล่าครับว่าหนังเรื่องนี้ถือเป็นหนังอีกเรื่องที่ผมชอบเมื่อปีที่แล้วเลย

The Accountant เป็นเรื่องของ คริสเตียน วูล์ฟ (Ben Affleck) ชายที่มีอาการออทิสติกตั้งแต่เล็กครับ เลยทำให้เขาไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใคร แต่ขณะเดียวกันเขาก็มีทักษะทางคณิตศาสตร์ที่ีโดดเด่นขั้นเทพ เขาเลยมาประกอบอาชีพเป็นนักบัญชี

แต่ทีนี้เขาไม่ใช่แค่ทำบัญชีให้คนทั่วไปครับ เขายังตรวจบัญชีให้กับพวกกลุ่มก่อการร้ายที่ทางการต้องการตัวด้วย แต่ด้วยความเทพเลยทำให้ทางการไม่สามารถระบุตัวเขาได้ จนกระทั่งเจ้าหน้าที่ เรย์ คิง (J.K. Simmons) สั่งให้ แมรี่เบธ (Cynthia Addai-Robinson) ช่วยสืบหาตัวนักบัญชีผู้ลึกลับคนนี้

ขณะเดียวกันเขาก็กำลังรับงานตรวจสอบบัญชีให้กับ ลามาร์ แบล็คเบิร์น (John Lithgow) ที่เขาพบว่ามีความผิดปกติเกิดขึ้นจริงๆ แต่ยิ่งเขาพยายามหาความจริงมากเท่าไร อันตรายก็เหมือนจะใกล้ตัวเข้ามามากเท่านั้น… แต่ที่หลายคนไม่รู้ก็คือ เขาเองก็เป็น “บุรุษมีคม” ที่แสนอันตรายเช่นกัน

ตัวหนังอาจไม่ได้สนุกเป็นล้นพ้น แต่ก็ถือว่าสนุกและน่าติดตามครับ แน่นอนว่าหนังไม่ได้เน้นแอ็กชัน ดังนั้นหากใครหวังอะไรมันส์ๆ ก็คงต้องปรับความเข้าใจกันหน่อยครับ เพราะหนังมันเน้นความระทึกมากกว่าจะเน้นฉากบู๊ และฉากบู๊ที่มีก็ไม่ได้มันส์ระเบิดอะไรด้วยครับ

ถ้าถามว่าชอบอะไร ผมชอบองค์ประกอบของหนังน่ะครับ มันมีรสชาติเฉพาะดี คือต้องยอมรับว่าโทนหนังมันชัดเจนว่าออกแนวเครียดและจริงจัง แต่หนังก็สอดแทรกองค์ประกอบไม่เข้าพวกหลายๆ อย่างลงมาตัดอารมณ์อย่างบท ดาน่า คัมมิงส์ (Anna Kendrick) ที่ดูเป็นเหมือนแกะร่าเริงในโลกสีดำ

หรือบางฉากบางจังหวะที่แทรกสีสันกับอารมณ์เบาๆ ลงไป ซึ่งมันก็ดูตัดกับอารมณ์หนังเป็นพักๆ ครับ บางทีก็มีความอบอุ่น บางทีก็มีดราม่า บางทีก็มีอารมณ์ขันแบบนิ่งๆ นั่นเลยทำให้หนังทริลเลอร์เรื่องนี้ มีความจริงจังแบบชัดเจน แต่ก็มีสีสัน (เหมือนของประดับต้นคริสต์มาส) โผล่มาตัดอารมณ์เป็นระยะ

ผมชอบปมในหนังที่จริงๆ ไม่ได้ล้ำลึกซับซ้อนอะไร แต่จังหวะการคลายปมหรือเฉลยปมมันกำลังดีน่ะครับ เหมือนอ่านนิยายไปเรื่อยๆ เปิดไปทีละหน้า แล้วก็ซึมกับเรื่องราวไปทีละน้อย อย่างปมเกี่ยวกับตัวเอกที่หนังก็เล่าไปแบบเนียนๆ ไม่ถึงกับเน้นอะไรมาก แต่พอถึงเวลาเฉลยแล้วรู้สึกว่าจังหวะมันพอดีจัง

ว่าตามจริง Affleck อาจไม่ใช่คนที่เหมาะกับบทนี้ที่สุดนะครับ แต่เขาก็เล่นได้ดี เข้ากับสไตล์เรื่องและเข้ากับดารารายอื่นๆ ที่ร่วมกันทำให้หนังเรื่องนี้มันมีความแน่นในระดับหนึ่ง ซึ่ง Affleck เองก็ชอบบทนี้มากครับ ถึงขั้นยกให้เป็นหนึ่งใน Top 5 บทที่เขาแสดงแล้วชอบที่สุด

และอีกคนที่ผมอบมากก็คือ Kendrick ที่เล่นบทนี้ได้แบบพอเหมาะ สำหรับบทนี้นี่ผมนึกออกแต่เธอครับ เธอถือเป็นบทร่าเริงแบบที่ไม่เข้าพวกกับองค์ประกอบเครียดๆ ในหนัง และ Kendrick บอกว่าเธอแสดงบทนี้โดยมีคุณแม่ของเธอเป็นต้นแบบ เพราะแม่ของเธอมีอาชีพเป็นนักบัญชีครับ และเธอก็สอนวิธีการทำงานของนักบัญชี อีกทั้งวิธีการคำนวณต่างๆ เพื่อช่วยให้ Kendrick เข้าถึงบทมากขึ้น

หากใครดูแล้วก็จะพอเข้าใจครับว่าทำไมเธอถึงเหมาะ (สังเกตตอนคริสเตียนบอกว่า “ผมชอบอะไรที่มันแตกต่างจากสิ่งอื่น” แล้วจะเข้าใจครับ) ซึ่งผมก็ขอชม Gavin O’Connor (Warrior และ Jane Got a Gun) เลยครับ เขาคุมหนังออกมาได้กำลังดีจริงๆ

มีอยู่ช่วงหนึ่งที่หนังเรื่องนี้จะนำแสดงโดย Mel Gibson และกำกับโดย Joel Coen กับ Ethan Coen ครับ เรียกว่าโปรเจคท์นี้ลอยคออยู่ในฮอลลีวู้ดนานพอสมควร บางช่วงมีข่าวว่า Will Smith สนใจจะรับบทนำด้วย แต่จนแล้วจนรอดหนังก็มาสำเร็จเป็นเวอร์ชั่นนี้ ซึ่งผมถือว่าออกมากำลังดีและพอเหมาะในแบบของมันครับ (แต่ใจก็อยากรู้เหมือนกันว่าถ้าพี่น้อง Coen ทำออกมาแล้วจะเป็นอย่างไร)

ในแง่รายได้ถือว่าน่าพอใจเลยครับ หนังลงทุนกลางๆ ที่ $44 ล้าน แล้วก็กวาดรายได้ทั่วโลกไป $155 ล้าน ถือว่าไม่เลวทีเดียวครับ

สรุปว่านี่เป็นหนังทริลเลอร์ที่ทำออกมาได้สนุกครับ แม้มันจะไม่ได้แปลกใหม่อะไร แต่องค์ประกอบต่างๆ มันพอเหมาะ มันมีความน่าติดตาม แล้วที่สำคัญคือพอดูจบแล้วมันรู้สึกสนุกและอบอุ่นระคนกันไป เป็นอารมณ์แบบที่ผมไม่ค่อยได้สัมผัสเท่าไรกับหนังทริลเลอร์แบบนี้

สองดาวครึ่งบวกๆ ครับ

(7.5/10)