Action

A Sound of Thunder (2005) 2054 เจาะไดโนเสาร์โลกล้านปี

sound_00

หนังเรื่องนี้นะครับ มีคำโปรยไว้ว่า “จริงหรือที่โลกจะถึงกาลล่มสลาย ด้วยการตายของผีเสื้อเพียงตัวเดียว” แต่สิ่งที่กระตุ้นให้ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ กลับเป็นเหตุผลที่ว่า “ทำไมหนังที่สร้างจากเรื่องสั้นไซไฟของ Ray Bradbury ทุนสร้าง $80 ล้าน ถึงลงเอยด้วยการทำเงินไปแค่ $11 ล้านจากทั่วโลก”

จริงๆ พล็อตของหนังมันนอนมาเลยนะครับ น่าจะโกยเงินไม่ใช่น้อย หรือยังไงมันก็ไม่น่าะเจ๊งแบบมหาศาลปานฉะเนี้ย เพราะแนวมันขาย เริ่มจากแนวไซไฟที่ชาวอเมริกาค่อนข้างเปิดกับตลาดหนังทำนองนี้อยู่แล้ว และหนังยังปนเรื่องแอ๊คชั่น ผจญภัยเข้าไปอีก รวมไปถึงตัวอย่างก็น่าสนใจไม่เลวครับ แม้แนวเรื่องจะไม่ไ่ด้แปลกอะไร แต่มันขายตัวเองอยู่แล้วอ้ะ

เนื้อเรื่องมันเกิดประมาณปี 2054 นะครับ เป็นยุคที่มีการเจาะเวลาได้ ก็เลยมีเศรษฐีหัวใสนาม ชาร์ลส ฮัตตัน (Ben Kingsley) คิดบริการการเดินทางข้ามเวลา ให้พวกคนรวยที่อยากเป็นนักผจญภัยได้ลองย้อนอดีตไปล่าไดโนเสาร์จริงๆ ขึ้นมา แล้วก็มันก็ทำเงินได้อย่างดีครับ ระบบก็ดำเนินไปอย่างปกติจนกระทั่งเกิดความผิดพลาดขึ้น เมื่อมีผู้ใช้บริการบางคนดันเดินออกนอกเส้นทางไปเปลี่ยนแปลงอดีตโดยไม่รู้ตัว ทีนี้มันเลยก่อระลอกการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ครับ และไอ้การเปลี่ยนแปลงที่ว่านี่ส่งผลโดยตรงต่อระบบนิเวศน์ ทำให้การวิวัฒนาการเปลี่ยนไป พวกสัตว์พันธุ์ใหม่ก่อกำเนิดขึ้น และบ้านเมืองก็มีพันธุ์ไม่ดึกดำบรรพ์เติบโตขึ้นมากมาย

เมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ วิธีการเดียวที่ทำได้ คือต้องสืบหาครับ ว่าจุดไหนในอดีตที่โดนเปลี่ยนแปลงไป และจะลงมือแก้ไขได้อย่างไร ก็ต้องตามไปดูครับ

พล็อตมันง่ายครับ แต่น่าสนใจ เพราะมันเอื้อให้เกิดฉากผจญภัยและแอ๊คชั่นสารพัดแบบ แน่นอนว่า Effect ต้องเพียบ และความจริงแล้วมันควรจะมันส์ … แต่ทว่า

โดยส่วนตัวแล้ว ผมว่าหนังมันพอดูได้น่ะแหละครับ แต่เหมาะอย่างยิ่งที่จะดูทางแผ่นหรือทีวี หรือแบบไหนก็ได้ที่ไม่ต้องเสียเงินเป็นร้อยน่ะฮะ เพราะแม้เรื่องราวจะโอเค แต่การเดินเรื่องต่างๆ ยังไม่น่าติดตามเท่าที่ควร คือผมไม่ได้หวังว่ามันจะต้องแปลกใหม่หรอกครับ เอาแค่ให้ดูแล้วมันส์ก็พอ แต่ผลคือมันไม่ค่อยเท่าไหร่น่ะ ซึ่งมันก็มาจากหลายๆ อย่างประกอบกัน

อย่างแรก นักแสดงนำ อันนี้หนักกบาลสุดครับ คนที่เล่นได้พอไหวมีเพียงดาราออสการ์อย่าง Ben Kingsley ในบทเศรษฐีเห็นแก่เงิน ลุงแกยังเล่นได้เฉียบคมไว้ลายครับ แม้บทจะน้อย แต่ออกมาทีไรได้ใจทุกรอบ … ส่วนคนอื่นนี่

พระเอกนี่ตัวดีเลยครับ ผมว่าหนังพลาดตั้งแต่เอาพี่ Edward Burns มาเล่นนำแล้ว เขารับบทเป็นเทรวิส ไรเออร์ หัวหน้าหน่วยเจาะเวลาไปเนี่ยน่ะนะครับ คือพี่แกเล่นได้ตายด้านอย่างไม่น่าเชื่อ จริงๆ Burns แกเป็นดาราที่เติบโตมาทางสายหนังอินดี้นะครับ พวกหนังขายฝีมืออ้ะ แต่ระยะหลังเหมือนลีลาพี่แกจะไม่ค่อยเด่นเท่าไร บททำนองนี้นะครับ ผมว่าถ้าทีมงานนึกคนเหมาะไม่ออก ก็น่าจะไปตามพี่ Treat Williams พระเอก Deep Rising มาแทน ผมว่าแกผ่านครับ

เพราะประการสำคัญของพระเอกหนังทำนองนี้คือ ต้องทำ “สีหน้าตอนสูญเสีย” เป็น ประมาณว่าเพื่อนร่วมทีมตายไปทีละคนพี่แกก็ต้องทำหน้าอึ้ง หน้าแหย่เกแบบพองาม แต่ในเรื่องพี่แกมาโมโนโทนครับ ไม่มีอะไรในแววตาเลยจริงๆ

Untitled04494

ส่วนนางเอกคนนี้ ผมชอบมากครับ เธอสวยสง่าดี Catherine McCormack สำเนียงเธอดีครับ บทก็ไปแบบเรื่อยๆ แม้จะไม่เด่นมากแต่ก็ไม่แง่กแบบพระเอกของเรา ส่วนคนอื่นๆ ดูโหงวเฮ้งก็รู้ใช่มั้ยครับ ว่าคนไหนต้องโดนเขมือบแน่ๆ ไม่น่ารอด

เนี่ยครับ หนังมาเสียตั้งแต่ทีมนักแสดงที่ไม่น่าสนเท่าไหร่ ตามด้วย Effect … โอเคครับ ฉากตัวประหลาดโผล่มา ผมถือว่าทำได้ดี พอไหว ซาวน์ก็ดี แต่บางฉาก Effect มันดันไม่เนียน ฉากในเมืองเนี่ยครับเล่นเอาอึ้งเลยผม ทำไปได้

แต่ผมชอบเจ้าตัวในน้ำที่สุดครับ เป็นตัวที่น่ากลัวดีจริงๆ

ตอนหนีตัวประหลาดมันก็พอจะสนุกบ้าง แต่หนังมันมาไร้พลังก็ตรงพวกดาราเนี้ยแหละ ส่วนการเดินเรื่องมันเดาได้ครับ ถ้าดูแบบไม่คิดมากและไม่มีการเปรียบเทียบกับหนังแนวเดียวกันนี้เลยอ้ะนะครับ หนังมันก็พอทำเนา ยังพอสนุกบ้าง แต่พวกตัวละครมันก็มีส่วนที่จะเร่งให้หนังลุ้นมากขึ้นไงครับ ถ้าพวกเขาดูมีเลือดมีเนื้อเราก้จะเอาใจช่วย และจะทำให้เราค่อยๆ จมลงสู่ตัวหนังโดยปริยาย แต่ในเมื่อพวกเขาเล่นแบบตามมีตามเกิดอย่างนี้ อารมณ์และระดับความดันเลือดของเราเลยไม่ไปในจุดที่มันควรจะเป็น

จริงๆ ผมก็เห็นใจกับหนังครับ เพราะกว่าจะสร้างออกมานั้น อุปสรรคมากมายเหลือเกิน เพราะหนังถ่ายทำตั้งแต่ช่วงปี 2002 หนังถ่ายทำกันที่สาธารณเชคนะครับ แล้วพอดีตอนนี้ที่เชคดันเกิดน้ำท่วมใหญ่เข้า ฉากเฉิกที่เซ็ตไว้พังไปเป็นแถบเลยฮะ

แล้วตอนแรก พระเอกนั้น จะต้องเป็น Pierce Brosnan เลยนะครับ ส่วนผู้กำกับก็คือ Renny Harlin (แห่ง Die Hard 2, Deep Blue Sea และ Cliffhanger) ฟอร์มนี่คนละเรื่องกันเลยครับ แต่ต่อมาทั้งสองก็โบกมือบ๊ายบาย แล้วที่แย่หนักคือบริษัทผู้สร้างดันมาโดนฟ้องล้มละลายอีก เหนื่อยแทนเลยครับเจอบาปซ้ำกรรมกระทืบแบบนี้ หนังเลยต้องเลื่อนล่าช้าตั้งหลายปี (ตอนแรกจะฉายปี 2003 ครับ แต่เพราะรื่องมันรุมเร้า เลยระเห็จมาฉายปี 2005 แทน)

แม้จะเห็นใจ แต่หนังออกมายังไงก็ต้องว่าอย่างนั้นแล้วกันนะครับ

โดยรวมๆ หนังออกมาไม่มีอะไรมากครับ พอดูได้ พอตื่นเต้นบ้าง พอสนุกบ้าง แต่ะสไตล์มันค่อนไปทางเกรดบีเสียมากกว่าครับ และที่สำคัญคือต้องดูอย่างไม่คาดหวังอะไรทั้งนั้นครับถึงจะรู้สึกว่ามันโอเคน่ะ ตอนก่อนจะเข้าไปดูผมนี่โคตรล้างสมองเลยครับ ไม่คาดไม่หวังอะไรทั้งนั้น ก็เลยไม่ผิดหวังอะไรมากมาย

อยากดูไม่ว่าครับ ดูได้ แต่ห้ามคาดหวังใดๆ แล้วคุณจะพอไหวกับหนัง

ไม่ถึงสองดาวครับ

(5/10)