Action

Blade II (2002) เบลด II นักล่าพันธุ์อมตะ

blade-ii

ภาคต่อของเบลด (Wesley Snipes) คราวนี้เหล่าแวมไพร์ได้มาขอสงบศึกกับเขาเป็นการชั่วคราว เพราะตอนนี้ได้มีแวมไพร์พันธุ์ใหม่ที่ร้ายกาจกว่า ไล่ฆ่าทั้งคนและแวมไพร์ไปทั่ว งานนี้เบลดเลยต้องร่วมมือกับเหล่าแวมไพร์เป็นการเฉพาะกิจ

จำได้ว่าตอนดูรอบแรกในโรงผมออกจะชอบภาคแรกมากกว่าครับ ครั้นเอามาดูใหม่ ลึกๆ ใจก็ยังชอบภาคแรกมากกว่าอยู่ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกชอบภาคนี้มากขึ้น จุดที่เข้าท่าเลยคือโครงเรื่องที่ดูมีรายละเอียด มีการพลิกผันไปมา แล้วที่รู้สึกเลยว่าจัดเต็มขึ้นคือคิวบู๊ครับ อันนี้เข้าใจดีเพราะพี่ Wesley แกเป็นแฟนหนังบู๊ฮ่องกงและอยากทำหนังให้ออกมาในสไตล์นั้น มารอบนี้เลยจัดหนักยิ่งขึ้นซะเลย

หนังได้เจิ้นจื่อตันหรือพี่ Donnie Yen ของเราไปช่วยออกแบบบู๊ให้ครับ โดยเฉพาะฉากที่เบลดกับกับโนแม็ก (Luke Goss) รอบแรกนั่น พี่ Donnie เขาจัดให้เองครับ เราเลยจะได้เห็นลีลาฟัดสไตล์จีนแบบชัดขึ้น ซึ่ง David S. Goyer (คนเขียนบท) เคยบอกไว้ครับว่าหนังเรื่องนี้ใช้คนออกแบบคิวบู๊ถึง 4 คน นอกจากพี่ Donnie แล้วก็ยังมี Jeff Ward (รายนี้เคยออกแบบคิวบู๊ให้ Blade ภาคแรก), Clay Donahue Fontenot (รายนี้ก็สตันท์มืออาชีพ) และพี่ Wesley เองก็ลงมาออกแบบกับเขาด้วย เลยทำให้คิวบู๊ภาคนี้ถือว่าสตรองเอาเรื่อง

ส่วนผู้กำกับนั้นตอนแรกก็มีการทาบทามให้ Stephen Norrington จากภาคแรกให้มาทำภาคนี้ต่อ แต่เขาก็บอกปัดขอทำหนังเรื่องอื่นแทน Goyer เลยเสนอ Guillermo del Toro ให้มาทำ หลังจากพิจารณาจากผลงานอย่าง Cronos และ Mimic ที่ del Toro โชว์วิสัยทัศน์ออกมาได้โดดเด่น – โดยเฉพาะวิสัยทัศน์แบบ Dark Fantasy – ซึ่งก็ต้องยอมรับครับว่าภาคนี้บรรยากาศมันได้ อารมณ์ของหนังมันได้ มันมีกลิ่นอายของคอมมิคบวกด้วยหนังสยองขวัญและเจือความแฟนตาซีเข้าไปอย่างน่าพอใจ – แต่ถ้าถามผม เรื่องนี้พี่เขายังปล่อยของไม่เต็มที่ครับ ต้องรอจนพวก Hellboy หรือ Pan’s Labyrinth โน่นถึงจะจัดเต็ม เรื่องนี้ผมถือว่าแกซ้อมมือครับ

เรื่องมิติตัวละครก็ถือว่ายังได้อยู่ อันนี้ถือว่าพอๆ กับภาคแรก เพียงแต่ภาคนี้ตัวละครจะเยอะกว่าเลยได้เห็นมิติตัวละครเยอะหน่อย อาจไม่ถึงขั้นลึกซึ้งก็แต่ก็ถือว่าโอเคแล้วสำหรับหนังฮีโร่เมื่อสมัยนั้น – ส่วนตัวชอบบทสรุปของโนแม็กครับ แม้พี่แกจะร้าย แต่มันก็มีเหตุให้ร้าย และเบื้องหลังความร้ายนั้นก็แอบแฝงไว้ด้วยความสลดเหมือนกัน – Goss ถือว่าเล่นได้ดีเลยครับ

โดยรวมหนังถือว่าฟอร์มดีขึ้น การเดินเรื่องและทิศทางก็ลงตัว เพียงแต่หนังจะมาดร็อปลงไปบ้างตรงความเชื่องช้าในบางจังหวะครับ ตอนกลางๆ เรื่องนี่ออกจะช้าไปหน่อย โดยเฉพาะตอนมุดลงไปสำรวจในท่อน่ะครับ ตอนนั้นผมว่ายังน่ากลัวและตื่นเต้นได้อีก และจังหวะของหนังโดยรวมจริงๆ ก็ยังเร่งได้อีก ส่วนนี้ก็ลดทอนความเพลินของหนังลงไปบ้างเหมือนกัน – ผมว่าจุดนี้แหละที่ทำให้ผมเพลินกับภาคนี้ยังไม่สุด

พอหักกลับลบแล้วผมก็ชอบพอๆ กับภาคแรกครับ อาจมีแพ้ชนะกันในบางจุด แต่โดยรวมก็ถือเป็นภาคต่อที่น่าพอใจ ในแง่รายได้ก็สวยอยู่ ทำเงินทั่วโลกไป $155 ล้าน จากทุนสร้าง $54 ล้าน ก็อยู่ในโซนกำไรครับ

เกร็ดที่นำมาฝากก็คือ นิสซา บทนางเอกของเรื่องนั้นก็มีอยู่ในลิสต์หลายคนครับ ไม่ว่าจะ Asia Argento, Kristanna Loken, Elena Anaya และ Rhona Mitra แต่สุดท้าย Leonor Varela ก็ได้บทไป

และจริงๆ แรกเริ่มเดิมทีตัวร้ายของเรื่องน่ะจะต้องเป็นมอร์เบียสครับ แต่ทาง Marvel ก็ตัดสินใจที่จะขอสงวนตัวละครนี้ไว้เพื่อไปทำเป็นหนังเดี่ยวของตัวเองแทน เช่นเดียวกับตามแผนก็จะต้องมีนิค ฟิวรี่มาโผล่ด้วย แต่สุดท้ายทาง Marvel ก็ไม่ปล่อยลิขสิทธิ์ตัวนี้ให้ทาง New Line ครับ

และพี่ Wesley เคยบอกไว้ว่าพี่เขาชอบภาคนี้ที่สุดในบรรดา Blade ทั้ง 3 ภาคครับ

สรุปได้ว่าไม่ผิดหวังครับ

สองดาวครึ่งครับ

(7/10)

MV5BNDIyNDMxNDQzMF5BMl5BanBnXkFtZTcwMTQxNzI0NA@@._V1_SY1000_CR0,0,1531,1000_AL_