
Don’t Look Up ถือว่าอยู่ในหมวดหนังตลก
Don’t Look Up ถือว่าอยู่ในหมวดหนังตลก
สารภาพครับว่ากะไว้แล้วว่าผมน่าจะเฉยๆ กับหนังเรื่องนี้ เพราะไม่ว่าจะดูจากหน้าหนัง ดูจากตัวอย่าง และดูจากอะไรหลายๆ อย่างแล้วผมออกแนวเฉย และเมื่อดูแล้วก็เป็นไปตามนั้นครับ เฉยจริงๆ
13 Sins ฉบับรีเมคของ 13 เกมสยอง ที่พูดได้เต็มปากครับว่าต้นฉบับของบ้านเราอร่อยกว่ากันพอประมาณ
ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมครับ การดู Skin Trade ไม่ได้ทำให้ต่อมมันส์หรือต่อมสนุกของผมทำงานสักเท่าไรเลย
ภาคนี้ก็ลงแผ่นอีกตามเคยครับ กับเรื่องราวตอนที่สามของตำนานยอดนักรบอัคเคเดียนนามว่า มัลไธอัส หรือฉายาว่าเดอะ สกอร์เปี้ยน คิง หลังจากภาคแรกหนังได้เล่าให้เรารู้จักถึงการขึ้นครองอาณาจักรของเขาแล้ว ภาคสองก็ย้อนไปเล่าเรื่องสมัยหนุ่มๆ พอมาภาคนี้หนังก็เล่าถึงเหตุการณ์หลังจากภาคแรกครับ
หนังจากนิยายของพี่ Stephen King ครับ เนื้อเรื่องว่าด้วยผู้คนที่มากหน้าหลายตาที่ขับรถอยู่บนถนนสายเปลี่ยว แล้วจู่ๆ ก็โดน คอลลี เอนทราเจี้ยน (Ron Perlman) นายอำเภอของเมืองเดสเพอเรชั่นจับไปเข้าคุกอย่าง ซึ่งแต่ละเจ้าที่โดนจับไปนั้นจริงๆ ก็ไม่ได้ทำผิดอะไรหรอกครับ แต่ลองว่านายอำเภอยืนกรานจะพาพวกเขาไป พวกเขาเลยไม่อาจขัดขืนได้
บีแมน (Nicolas Cage) และ เฟลสัน (Ron Perlman) สองนักรบครูเสดที่ตัดสินใจออกจากการรบที่เต็มไปด้วยการเข่นฆ่าเพื่อกลับบ้านเกิด แต่พอเขาไปถึงก็พบว่าเมืองเต็มไปด้วยโรคระบาด ซึ่งชาวเมืองเชื่อกันว่าเป็นเพราะผู้หญิงคนหนึ่ง (Claire Foy) ที่เป็นแม่มด
อีกหนึ่งหนังที่จริงๆ ผมว่าน่าสนใจนะครับ เนื้อเรื่องมันเหมาะแก่การทำให้เป็นหนัง Feel Good อย่างยิ่ง ส่วนดาราก็ถือว่ารวมคนฝีมือดีเอาไว้เยอะพอตัว ไม่ว่าจะ Michael Shannon, Judy Greer, Ron Perlman, Thomas Lennon และ Ian McShane
วรรณกรรมเยาวชนระดับอมตะจากปลายปากกาของ Mark Twain สู่เวอร์ชั่นภาพยนตร์ครับ (จริงๆ มีเวอร์ชั่นก่อนหน้านี้ แต่นี่คือเวอร์ชั่นแรกที่ผมได้ดูครับ) กับการผจญภัยของฮัคเคิลเบอร์รี่ ฟินน์ (Elijah Wood) เจ้าหนูสุดฉลาดจอมเจ้าเล่ห์ กับสารพัดเรื่องราวที่เขาต้องเผชิญ
นี่คือหนังแอ็กชันไซไฟที่ดูแล้วถูกใจมากครับ เหมือนได้ย้อนไปเป็นเด็กอีกครั้ง สมัยยังสนุกกับพวกซีรี่ส์ขบวนการห้าสีที่ชอบเรียกหุ่นมาตีกับสัตว์ประหลาดในนาทีสุดท้าย (สมัยนั้นก็สงสัยว่าทำไมไม่เรียกหุ่นมากระทืบสัตว์ประหลาดตั้งแต่ตอนมันยังตัวเล็กๆ อยู่ล่ะ เมืองจะได้ไม่ต้องพัง 555)