เบลด (Wesley Snipes) คนครึ่งแวมไพร์ที่ทำหน้าที่ไล่สังหารแวมไพร์ชั่วร้ายทั่วหล้า เขามี อับราฮัม วิสเลอร์ (Kris Kristofferson) เป็นผู้ช่วย และครั้งนี้ศัตรูของเบลด คือ ดีคอน ฟรอสต์ (Stephen Dorff) แวมไพร์เลือดร้อนที่ต้องการจะรวบอำนาจแห่งอาณาจักรแวมไพร์ทั้งหมดมาเป็นของตนเพียงผู้เดียว งานนี้เบลดก็ต้องปะทะกับมันครับ

ผลออกมาถือว่ามันส์ใช้ได้เลยครับ ความสนุกมาเรื่อยๆ ดูเอาเท่ห์ได้ทั้งเรื่อง พี่ Wesley แกก็เท่ห์กันเข้าไปครับ ชุดดำ มาดเข้ม พร้อมด้วยวิทยายุทธเฉียบๆ ตัวหนังก็จัดว่าดูเพลินดีครับ สามารถวาดภาพโลกของเหล่าแวมไพร์ออกมาได้ดี ตัวร้ายก็ร้ายกาจได้ที่ (แม้ตอนท้ายบทจะโดนปราบก็โดนปราบง่ายๆ ก็ตาม) และหนังอาจมีช่วงเชื่องช้าไปบ้างแต่ก็ไม่มากครับ โดยรวมถือว่าน่าพอใจนั่นแหละ

ว่ากันว่าเมื่อโครงการการสร้างหนัง Blade มาถึงมือ New Line Cinema ตัวเลือกที่ทางค่ายอยากให้มารับบทเบลดมี 3 คน ได้แก่ Wesley Snipes, Denzel Washington และ Laurence Fishburne แต่ David S. Goyer คนเขียนบทบอกเลยครับว่าคนที่เขาว่าเหมาะที่สุด ต้องเป็น พี่ Wesley คนเดียวเท่านั้น ซึ่งพอดีช่วงนั้นพี่ Wesley แกกำลังอยากเอา Black Panther มาทำเป็นหนังครับ แต่พอเจรจาแล้วเขาก็ตกลงที่จะมาเป็นเบลดให้

และพี่ Wesley ก็บอกชัดเลยครับว่าเขาน่ะเป็นแฟนหนังแอ็คชั่นฮ่องกงตัวยง เขาเลยอยากให้หนังเรื่องนี้ออกมาโดยมีกลิ่นอายสไตล์นั้น และยังมีการทาบทาม หลี่เหลียนเจี๋ย (Jet Li) ให้มารับบทดีดอน ฟรอสต์ด้วย แต่แล้วอาเจี๋ยก็บอกปัดเพื่อไปรับบทเป็นตัวร้ายใน Lethal Weapon 4 แทน

และ Goyer ยังเคยเล่าด้วยว่า David Fincher ที่ตอนนั้นกำลังดังจาก Se7en ก็เคยมีส่วนร่วมในการพัฒนาบทหนังเรื่องนี้อยู่ช่วงหนึ่ง และจริงๆ เขาจะต้องได้มากำกับด้วย แต่ในที่สุดเขาก็โบกมืออำลาโดยไม่มีใครทราบเหตุผลที่แน่ชัด

ส่วนบทดีคอนนั่นว่ากันว่า Skeet Ulrich (Scream) อยากเล่นบทนี้มาก และเคยมีชื่อของ Mark Wahlberg อยู่ในลิสต์ด้วย แต่สุดท้ายบทก็ตกเป็นของ Dorff ครับ

และตามจริงบทควินน์ แวมไพร์ตัวกวนที่โดนเบลดตามล่าตลอดเรื่องนั้น จริงๆ จะมีบทแค่นิดเดียวครับ แต่พอดี Donal Logue ที่รับบทนี้แสดงได้ดีและมีสีสันมากจนผู้กำกับ Stephen Norrington เพิ่มบทให้อย่างที่เห็น

นอกจากนี้ จริงๆ แล้ว Stan Lee ได้มาแสดงรับเชิญด้วยนะครับ เป็นหนึ่งในตำรวจที่มายังคลับเลือดสาดตอนต้นเรื่อง และจะต้องเป็นคนค้นพบควินน์ที่โดนเผาจนแทบดูไม่ได้ แต่สุดท้ายฉากของเขาก็ถูกตัดออกไปครับ

ตัวหนังจัดว่าประสบความสำเร็จอย่างดีครับ ทำเงินทั่วโลกไป $131 ล้าน จากทุนสร้าง $45 ล้าน อันทำให้เกิดภาคต่อตามออกมา

สรุปว่ามันส์ดี ถือว่าสนุกที่สุดในหนังชุดนี้แล้วล่ะครับ

มันส์ใช้ได้ เข้าขั้นดี สองดาวครึ่งครับ

(7/10)