While You Were Sleeping หนังหวานๆ ของ Sandra Bullock ในบท ลูซี่ เอเลนอร์ โมเดอเรซ พนักงานขายตั๋วรถไฟฟ้าที่แอบชอบ ปีเตอร์ คัลลาแฮน (Peter Gallagher) ชายหนุ่มที่ขึ้นรถไฟฟ้าเป็นประจำ แล้ววันหนึ่งเธอก็ได้ช่วยชีวิตเขา และด้วยความเข้าใจผิดทำให้ครอบครัวของปีเตอร์เข้าใจว่าเธอคือคู่หมั้นของเขา… ไหนๆ ก็ไหนๆ เธอก็ปล่อยเลยตามเลยไป จนกระทั่งเธอได้พบกับ แจ๊ค (Bill Pullman) น้องชายของปีเตอร์ และเธอก็เริ่มพบว่าหัวใจของเธอมันดันไปสนใจแจ๊คมากกว่าน่ะสิ… เอาไงล่ะงานนี้
ชอบตั้งแต่รอบแรกที่ดูครับ ได้ใจมาก การแสดงของเจ๊ Sandra ต้องเรียกว่าสุดยอด โดยเฉพาะฉากที่เธอเดินออกจากบ้านตอนตีสาม เพื่อที่จะไปนั่งคุยกับปีเตอร์ที่กำลังนอนโคม่าอยู่ ซึ่งเขาไม่ได้ยินเธอหรอกครับ แต่เธออยากพูด เพราะเธออยู่ตัวคนเดียว พ่อแม่ก็ไม่มี ว่าตามจริงเธอไม่มีใครในชีวิตเลย ไม่มีแฟน ไม่มีเพื่อน เธออยู่ตามลำพังตลอดมา… ว่าง่ายๆ ก็คือเหงานั่นแหละครับ ดังนั้นแม้จะปีเตอร์จะไม่ได้ยิน แต่เธอก็ไม่เกี่ยงครับ ขอแค่ให้ได้พูดออกไปให้ใครสักคนฟังก็พอแล้ว
กล่าวกันว่าเหตุผลหนึ่งที่เจ๊ Sandra เธออินกับบทคนเหงาถึงเพียงนี้ก็เพราะในเวลานั้นเธอเพิ่งจบความสัมพันธ์กับใครคนหนึ่งที่เธอคบมา 4 ปีครับ เลยอินแบบจัดๆ เลย
ฉากนี้เป็นอะไรที่ได้ใจแบบสุดๆ ครับ สื่อถึงความเหงาในตัวลูซี่ได้แบบชัดเจนมาก และฉากที่ว่านี่ดนตรีดีเหลือแสน ดีจนผมบ่อน้ำตาตื้นไปเลยล่ะ ซึ่งก็ขอยกนิ้วให้ Randy Edelman ครับ บรรเลงสกอร์ออกมาได้ดีมาก ดีขนาดที่บ้านเราเอามาใช้อยู่บ่อยๆ ในยุคหนึ่งเลยล่ะ
นอกจากดาราดีและดนตรียอดแล้ว การกำกับของ Jon Turteltaub ก็น่าจดจำเช่นกัน ใช่ครับ เขาคือคนทำ National Treasure นั่นเอง เท่าที่ดูมาเขาทำได้ทุกแนวครับ จะตลก จะแอ๊คชั่น จะชีวิต จะโรแมนติก ได้หมด เป็นผู้กำกับมือทองอีกราย (ที่ยังไม่ดังเปรียงปร้างซะที) แต่รับรองได้ครับ หนังที่มีชื่อพี่แกจั่วหัวเป็นผู้กำกับล่ะก็ น่าดูทุกเรื่องน่ะแหละ
เป็นอีกหนึ่งหนังที่เข้าท่ามากครับ สนุก น่ารัก อบอุ่น หวานพอประมาณ นักแสดงทุกคนน่ารักสมกับโทนหนัง ทุกคนที่มาเล่นเป็นครอบครัวคัลลาแฮนนี่ ต้องยกนิ้วเลยครับ ดูเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ ยิ่งตอนเถียงกันนี่ ทั้งฮาทั้งน่ารัก จนไม่แปลกใจเลยครับ ว่าทำไมลูซี่ถึงไม่กล้าบอกความจริงว่าเธอไม่ใช่คู่หมั้น นั่นก็เพราะ ตอนนี้ทุกคนกำลังเศร้าที่ปีเตอร์อยู่ในโคม่า และลูซี่ก็เปรียบเป็นอย่างเดียวที่ทำให้ครอบครัวมีชีวิตชีวาต่อไป หากเธอบอกความจริงเมื่อไหร่ก็เท่ากับเธอทำร้ายครอบครัวนี้ทันที เข้าใจความรู้สึกของเธอเลยครับ
เป็นหนังอีกเรื่องครับที่ตั้งคำถามใส่หน้าเราว่า ระหว่างคนที่ชอบกับคนที่ใช่จะเลือกใคร ผมเชื่อว่าหลายคนเจอสถานการณ์แบบนี้นะครับ เจอคนที่ชอบ เราชอบเขา แอบมองทุกวัน หลงรักเขาไปแล้ว แต่ต่อมาเราดันเจออีกคนที่ไม่ถึงกับชอบ แต่รู้สึกว่าหมอนี่ใช่ ไปกับเราได้ รู้ใจเราดี แต่ยังไง๊ยังไงเราก็ยังรู้สึกชอบคนที่เราชอบอยู่ดี เจอแบบนี้ก็คงตัดสินใจได้ไม่ง่ายเหมือนกัน
เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ จากหนังก็คือ แรกเริ่มเดิมทีนั้น บทหนังจะเป็นว่าให้ฝ่ายหญิงอยู่ในอาการโคม่า ส่วนผู้ชายเป็นฝ่ายแกล้งเป็นแฟนครับ แต่หลายฝ่ายก็เห็นตรงกันว่าให้สลับกันเป็นฝ่ายหญิงแอบรักน่าจะดูดีและน่ารักกว่าครับ และนอกจากนี้ บทของลูซี่นั้นตอนแรกถูกเขียนขึ้นเพื่อให้ Demi Moore มารับบทครับ ส่วนพระเอกก็จะให้ Patrick Swayze มาแสดง (เพราะทั้งคู่กอดคอกันดังสนั่นจาก Ghost มาด้วยกัน) แต่ในที่สุด Moore ก็บอกปัดครับ บทเลยถูกส่งไปให้กับ Julia Roberts แต่เธอก็บอกปัดอีก ส่วน Nicole Kidman ก็มาออดิชั่นบท แต่ก็ไม่ได้ครับ จนในที่สุด เจ๊ Sandra ก็มาคว้าไปแทน
และมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ Matthew McConaughey (ที่ตอนนั้นยังไม่มีชื่อมากนัก) ก็มาออดิชั่นบทแจ๊คเหมือนกัน แต่เขาก็ชวดไปเนื่องจากทีมงานติว่าเขามีสำเนียงเท็กซัสมากเกินไป แต่ในที่สุดเขากับเจ๊ Sandra ก็ได้มาเจอกันในปีต่อมากับหนังเรื่อง A Time to Kill
ตัวหนังประสบความสำเร็จอย่างงดงามครับ ลงทุนไป $17 ล้าน ได้คืนมาในอเมริกาประมาณ $81 ล้าน หรือถ้าจะรวมรายได้ทั่วโลกเลยก็คือเป็น $182 ล้าน กำไรงามเลยครับ ปีนั้น (1995) ถือเป็นปีที่ดีของเจ๊ Sandra ครับ เพราะนอกจากเครื่องนี้จะดังแล้ว เรื่อง The Net ที่ฉายปีนั้นก็รายได้สวยเช่นกัน
สรุปได้ว่าดูเลยครับถ้าชอบแนวนี้ หนังรักอบอุ่นๆ ได้บรรยากาศหนาวๆ พร้อมอารมณ์ขันเพลินๆ และตัวละครน่ารักๆ ครบสูตรอิ่มเอมสำหรับหนังรักโรแมนติกเบาสมองครับ
เฉียดสามดาวครับ
(7.5/10)
หมวดหมู่:รีวิวหนัง/ภาพยนตร์, หนังแนะนำ Recommended, Comedy, Romance