
Hitman’s Wife’s Bodyguard ถือเป็นภาคต่อภาคบังคับอีกเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นครับ หลังจากภาคแรกฮิตเกินคาด โกยทั่วโลกไป $176 ล้าน (จากทุนเพียง $30 ล้าน)
Hitman’s Wife’s Bodyguard ถือเป็นภาคต่อภาคบังคับอีกเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นครับ หลังจากภาคแรกฮิตเกินคาด โกยทั่วโลกไป $176 ล้าน (จากทุนเพียง $30 ล้าน)
บอกตรงๆ ว่าพอดูหนังจบ ผมรู้สึกได้เลยว่า “ใจผมมันชำรุด” ครับ เล่นเอานั่งนิ่งที่เก้าอี้ไปพักหนึ่ง ซึ่งทั้งนี้และทั้งนั้นไม่ใช่เพราะหนังไม่ดีนะ จริงๆ ต้องบอกว่ามันดีจนเรารู้สึก Deep และรู้สึก Down ไปกับมันเลยทีเดียว
หนังเรื่องนี้ผมเทใจให้การแสดงของ Natalie Portman แบบเต็มๆ ครับ คือเธอเอาทั้งเรื่องอยู่จริงๆ พลังมาเต็มตั้งแต่ต้นจนจบ (อาจจะมีช่วงที่ผ่อนบ้างอะไรบ้าง แต่ก็ไม่มากครับ) เรียกได้ว่าโดยรวมแล้วความดีงามของหนังคือ Portman จริงๆ ครับ เธอได้ใจผมไปเลย
เชอร์ล็อค โฮล์มส์ฉบับนี้ก็เป็นอีกครั้งที่นำเอานิยายชื่อเดียวกับชื่อหนังมาสร้างนะครับ พล็อตเรื่องก็คงเดิม โฮล์มส์ (Richard Roxburgh) กับหมอวัตสัน (Ian Hart) ได้รับการร้องขอจาก ดร.มอร์ติเมอร์ (John Nettles) ให้ช่วยเดินทางไปไขปริศนาคำสาปแห่งคฤหาสน์บาสเกอร์วิลล์ ที่ว่ากันว่าทายาทตระกูลบาสเกอร์วิลล์ที่กล้าเหยียบเข้าไปในคฤหาสน์ ต้องถึงแก่ความตายทุกคน
ช่วงนี้ลองหยิบซีรี่ส์ Downton Abbey มาดู พอดูๆ ไปก็นึกถึงหนังเรื่องนี้ขึ้นมาครับ เพราะแรกเริ่มเดิมที Downton Abbey จะเป็นภาคแยกของ Gosford Park แต่สุดท้ายทีมงานตัดสินใจเอาเฉพาะสไตล์ของเรื่อง (ที่ว่าด้วยเรื่องของชนชั้นสูงและคนรับใช้ ในคฤหาสน์หลังใหญ่) มาสานต่อ ส่วนด้านเนื้อหาจะเป็นเอกเทศไม่เกี่ยวกัน
คนที่เคยไล่สะสมการ์ดชุด Monster in My Pocket ชุดแรกที่ออกมาเมื่อสิบกว่าปีก่อนคงจะคุ้นเคยกับนามกรของเจ้าปีศาจตนนี้ดีนะครับ กับวอร์ล็อค ที่พ่อมดจอมโฉดที่โหดอำมหิต สาปแช่งได้แม้กระทั่งพ่อแม่ของตนเอง
นี่คือหนังว่าด้วย “ความรัก” ที่รวมมิตรทั้งรักครั้งแรก รักหนุ่มสาว รักพ่อลูก รักพี่น้อง รักชีวิต รวมไปถึงรัก “แต่ละวัน” ที่คุณตื่นขึ้นมา…
หนังเรื่องนี้ เจ๊งครับ ลงทุน 65 ล้าน ได้คืนมา 17 ล้านเศษๆเท่านั้นเอง ติดหนึ่งใน 10 อันดับหนังที่ล้มเหลวที่สุดแห่งฮอลลีวู้ด เพราะนอกจากไม่ทำเงินแล้ว นักวิจารณ์ก็ยังด่ากันระยับ อีกทั้งยังมีข่าวลือไม่ดีจากกองถ่ายมากมาย
สำหรับหนังที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้นะครับเป็นหนังทีวี ที่ทางช่อง Hallmark ทำออกมาฉายในช่วงคริสต์มาสปี 1999 ซึ่งก็แน่นอนครับว่าหนังต้องเกี่ยวกับวันคริสต์มาสน่ะแหละ และไม่ใช่เกี่ยวธรรมดาครับ เพราะมันสร้างจากนิยายคลาสสิคมากเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็คือนิยายชื่อ A Christmas Carol ของ Charles Dickens โอ้ อันนี้ดังมากนะครับ ขึ้นชื่อว่าคลาสสิคแล้วยังถูกนำมาสร้างเป็นหนังบ้าง ละครบ้าง หนังทีวีหรือละครเวที คือสร้างกันเวียนไปมาหลายครั้งเหลือเกินครับ
หนังบู๊ฮาเอามันส์เรื่องนี้เหมาะแก่การดูแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดมากครับ ดู 2 ดารานำจิกกัดกัดเป็นพักๆ ดูแอ็กชันที่แทรกมาเรื่อยๆ แม้จะไม่มีอะไรใหม่ และอาจทำให้นึกถึง Rush Hour และ The Other Guys แต่ก็ถือเป็นความบันเทิงที่ตอบโจทย์ดีครับ