ป้ายกำกับ: Jet Li

ลงขันฆ่า ปรานีอยู่ที่ศูนย์ (1998) The Hitman

ชี้แจงก่อนนะครับ อย่าแปลกใจที่ผมเอาชื่อไทยขึ้นหน้า แล้วเอาชื่อฝรั่งตามหลัง เป็นธรรมเนียมส่วนตัวของผมเองครับว่าถ้าเขียนหนังฝรั่ง ก็จะเอาชื่อฝรั่งนำ แต่ถ้าเขียนหนังเอเซียหรือหนังไทยก็จะเอาชื่อไทยมาใส่นำหน้า เพราะคนเราจะจำชื่อไทยได้แม่นกว่าชื่อฝรั่งครับ

The Mummy: Tomb of the Dragon Emperor (2008) เดอะ มัมมี่ 3 คืนชีพจักรพรรดิมังกร

ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากตั้งแต่ตอนดูหนังตัวอย่างแล้วครับ มันไม่น่าจะมีอะไรเลย ที่แน่ๆ คือลงสูตรเดิมๆ มัมมี่ฟื้น มัมมี่บุก และกระทืบมัมมี่กลับนรก แต่เปลี่ยนตัวมัมมี่เท่านั้นเอง

The One (2001) เดอะวัน… เดี่ยวมหาประลัย

แนวคิดเรื่องมิติคู่ขนานนั้นผมก็คุ้นเคยมานานแล้วล่ะนะครับ ซีรี่ส์ที่ทำให้ผมคุ้นเคยแนวคิดนี้ก็คือ Sliders ที่เหล่าตัวเอกต้องเดินทางข้ามมิติคู่ขนาน หาทางกลับมิติดั้งเดิมที่ตัวเองอยู่ ก็เลยต้องไปเผชิญกับโลกในมิติอื่นๆ ซึ่งมีทั้งที่ปกติและแปลกกว่าโลกมนุษย์เดิมที่พวกเขาเคยอยู่

Kiss of the Dragon (2001) จูบอหังการ ล่าข้ามโลก

งานอีกชิ้นของ Jet Li หรือ หลี่เหลียนเจี๋ย สมัยกำลังไปเดินเล่นบนเส้นทางฮอลลีวู้ดน่ะนะครับ (ตอนนี้ก็กลับมาแถบเอเซียเรียบร้อย) ซึ่งเป็นแนวบู๊ตามถนัด เขารับบทหลิว ฉวน เจ้าหน้าที่พิเศษจากจีนที่เดินทางมาฝรั่งเศสเพื่อร่วมมือกับฌอง – ปีแอร์ ริชาร์ด (Tchéky Karyo) ผู้บัญชาการตำรวจท้องถิ่น เพื่อจับผู้ลักลอบค้ายาเสพติดข้ามชาติ

The Forbidden Kingdom (2008) หนึ่งฟัดหนึ่ง ใหญ่ต่อใหญ่

หนังเอาตำนานไซอิ๋วมายำนิดหน่อย พระเอกของเรา (Michael Angarano) ไปเจอเอากระบองทองของซุนหงอคงเข้า แล้วก็พลัดหลงเข้าไปในแดนจีนโบราณ ได้พบกับนักบู๊ขี้เมา (เฉินหลง), นักบวชไร้ชื่อ (หลี่เหลียนเจี๋ย) และแม่นางวิหคทองคำ (หลิวอี้เฟย) พวกเขาก็มีหน้าที่เดินทางเอากระบองไปคืนให้ซุนหงอคงที่โดนวายร้ายแห่งปราสาทหยกกักไว้

Romeo Must Die (2000) โรมิโอ มัสท ดาย ศึกแก๊งมังกรผ่าโลก

ว่ากันแบบตรงไปตรงมาเลยนะครับ สำหรับหนังบู๊ออกหมัด และการรับบทพระเอกเต็มตัวเรื่องแรกบนฮอลลีวู้ดของหลี่เหลียนเจี๋ย หรือ Jet Li ในบท ฮาน ซิง กับเรื่องราวสไตล์ Romeo & Juliet ครับ ประมาณว่าพระเอกรักกับนางเอกที่ดันเป็นตระกูลตรงข้ามกัน

Cradle 2 the Grave (2003) คู่อริ … ถล่มยกเมือง

มาแวะหน่อยกับหนังแอ๊คชั่นอีกเรื่องของ พี่หลี่เหลียนเจี๋ย หรือ Jet Li ในช่วงที่ไปป้วนเปี้ยนไต่บันไดดาวที่ Hollywood น่ะนะครับ ซึ่หงันงโดยมากออกมาก็โอเค พอดูได้ แต่สไตล์มันก็เริ่มซ้ำ จนไปๆ มาๆ พี่ท่านชักจะเจริญรอยตามพี่ Steven Seagal ไปซะอีกแล้ว (ดีที่พี่ท่านไหวตัวกลับมาเอเซียทันนะเนี่ย)