เป็นธรรมเนียมที่ผมจะเอาหนังไซไฟทุนต่ำมาบอกตอกย้ำว่าอย่านะครับ อย่าไปทะลึ่งดูแบบสุ่มสี่สุ่มห้าสุ่มหก เดี๋ยวจะเสียดายเงินตราอันหายากขึ้นมาได้
เป็นธรรมเนียมที่ผมจะเอาหนังไซไฟทุนต่ำมาบอกตอกย้ำว่าอย่านะครับ อย่าไปทะลึ่งดูแบบสุ่มสี่สุ่มห้าสุ่มหก เดี๋ยวจะเสียดายเงินตราอันหายากขึ้นมาได้
เพิ่งได้ดูไปหมาดๆ ครับ กับหนังสยองแนวแปลกที่ว่าด้วยเหล้าตัวตลกจากต่างดาวที่มันมาเพื่อจับมนุษย์ไปทำเป็นขนมสายไหมครับ
นิโคลัส แซ็กซัน (Jack Scalia) ต้องนำทีมตามล่าเหล่ามนุษย์อวกาศที่หลังจากขึ้นยานไปสำรวจแล้ว เกิดมีเชื้อสยองจากนอกโลกติดตัวกลับมาด้วย แล้วพวกนั้นก็หนีไปครับ พระเอกเลยต้องไปตามล่า เพื่อปราบมันให้หมด
ภาพยนตร์แนวระทึกที่เล่นเอาคนดูในโรงมึนกันถ้วนหน้าครับ ถ่ายแบบกล้องวีดีโอเหมือน The Blair Witch Project ส่ายไปส่ายมาทั้งเรื่อง จนถ้าใครสายตาไม่แข็งแรงล่ะมีอันอยากออกจากโรงไปตั้งหลักแทบทุกคน (หรือไม่ก็อาศัยพนักพิงแถวข้างหน้าโอ้กไปก่อนล่ะ ฮ่าๆๆ )
เชิญท่านทั้งหลายพบกับภาพยนตร์เจ้าของตำแหน่ง “หน้งแย่ที่สุดตลอดกาล” (Worst movie ever made) โดย “ผู้กำกับที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมี” (The worst director ever)
ถือเป็นหนังแอ็กชันที่ดูเพื่อความมันส์เป็นหลักครับ พล็อตสร้างมาจากเกมกระดานสุดฮิตว่าด้วยกองทัพเอเลี่ยนเปิดสงครามกับมนุษย์โลกโดยมีทะเลเป็นสมรภูมิ และพระเอกของเราอย่างอเล็กซ์ ฮ็อปเปอร์ (Taylor Kitsch) ก็ต้องรับบบทฮีโร่ในการรับมือกับพวกมัน
สำหรับ The Thing ฉบับนี้ถือเป็นภาคก่อนหน้าของเหตุการณ์ใน The Thing ปี 1982 ของลุง John Carpenter อันที่จริงตอนแรกก็มีการคิดๆ กันครับว่าจะรีเมคจากฉบับปี 1982 เลยดีไหม แต่ทุกฝ่ายก็เห็นตรงกันในที่สุดครับว่าฉบับปี 1982 มันยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว ดังนั้นการไปรีเมคซ้ำของดีๆ แบบนั้นมันไม่เข้าท่า ถึงกับมีคนเปรียบว่า “เหมือนพยายามเอาสีไปทาทับภาพโมนาลิซ่า” อย่างนั้นเลย
จำได้ว่าตอนที่ The Thing ฉบับสร้างใหม่เข้าฉาย มีคนรีเควสท์ให้ผมรีวิว The Thing ปี 1982 เยอะมาก ไม่ใช่เยอะธรรมดา เยอะถึงขนาดผมเข้า Google แล้วใส่คำว่า “10000tip” ลงไป มันจะต่อท้ายออโต้ให้เลยว่า “The Thing”
หนังไซไฟคลาสสิกอีกเรื่องแห่งยุค 50 ครับ แน่นอนว่านี่คือต้นฉบับของ The Thing ที่ John Carpenter กำกับ โดยหนังก็ดัดแปลงจากนิยายขนาดสั้นเรื่อง Who Goes There? ของ John W. Campbell อีกที
ภาคก่อนถือว่าทำเอาใจคอแอ็กชันให้เพลิดเพลินแบบสาแก่ใจ พอมาภาคนี้ทีมงานก็มีข่าวออกมาตั้งแต่ตอนสร้างครับ หลังจากโดนแฟนๆ ส่วนหนึ่งบ่นในเรื่องบทของภาค 2 ที่ไม่ค่อยมีอะไรให้ติดตามนัก ภาค 3 นี่จึงเป็นการแก้มือโดยทีมงานสัญญาว่าจะใส่แอ็กชันและบทกับเรื่องราวให้พอเหมาะ มีสมดุลพอดีๆ ไม่เบาโหวงเกินไปอีก และผลที่ได้ก็ถือว่าทีมงานทำตามสัญญาได้ไม่เลวเลยครับ