ว่าตามจริงหนังก็ไม่ได้แย่นะครับ สำหรับผมมันก็ยังดูได้เรื่อยๆ เพียงแค่มันไม่ได้สนุกอะไรมากมาย เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นกับสูตรเดิมๆ แล้วก็ยังปรุงรสได้ไม่เข้าที่ หนังเลยออกแนวจืด แต่ถ้าถามผมแล้ว ผมว่าผมยังเพลินกับเรื่องนี้มากกว่า Morbius นะ
ว่าตามจริงหนังก็ไม่ได้แย่นะครับ สำหรับผมมันก็ยังดูได้เรื่อยๆ เพียงแค่มันไม่ได้สนุกอะไรมากมาย เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่เล่นกับสูตรเดิมๆ แล้วก็ยังปรุงรสได้ไม่เข้าที่ หนังเลยออกแนวจืด แต่ถ้าถามผมแล้ว ผมว่าผมยังเพลินกับเรื่องนี้มากกว่า Morbius นะ
เรื่องราวชีวิตของมหาเศรษฐีโฮเวิร์ด ฮิวจ์สนั้นมีคนจดๆ จ้องๆ จะเอามาทำเป็นหนังมานานมากๆ และที่เกือบจะเป็นรูปเป็นร่างก็นับได้ 7 ครั้งเป็นอย่างน้อย
Hot Tub Time Machine 2 เป็นภาคต่อที่ดาราหลักๆ มากันครบ ยกเว้น John Cusack ที่ไม่ได้มาร่วมจอด้วย (จริงๆ เขามาโผล่รับเชิญเล็กๆ แต่ฉากนั้นถูกตัดออกไป)
ในที่สุดก็ดูจนจบครบ 7 ซีซั่นครับ และพอดูจบก็บอกได้เลยว่า PaR เรื่องนี้กลายมาเป็นซีรี่ส์ที่ผมรักจนได้ เพราะมันสนุกเพลิน ฮาได้เรื่อยๆ แต่ที่เกินคาดก็คือความกินใจ อีกทั้งอารมณ์ Feel Good ที่สอดแทรกลงมาแบบพอเหมาะพอดี
หนังดราม่าผสมตลกฟอร์มเล็กที่เนื้อหาดูน่าสนใจดีครับ โดยเฉพาะกับคนที่มีครอบครัวแล้ว
หนังสยองขวัญที่ทำเงินไปแบบม้ามืดเมื่อปีกลายครับ ซึ่งกำกับโดย Michael Dougherty ที่ผมจดจำได้ดีตอนพี่แกทำ Trick ‘r Treat หนังสยองแนวรวมเรื่องสั้นที่ถือว่าทำได้เวิร์กเอาเรื่องเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน (นานเหมือนกันนะเนี่ย)
ผมมองหนังเรื่องนี้ใน 2 มุมครับ มุมแรกคือมองในเชิงหนังตลกล้อเลียน ซึ่งดูก็รู้ครับว่าหนังจงใจทำออกมาล้อ The Omen แหงมๆ ส่วนอีกมุมก็คือมุมสาระที่ชวนให้สะกิดใจสำหรับคนเป็นพ่อเป็นแม่ (ทั้งพ่อแม่แท้และพ่อแม่เลี้ยงน่ะครับ)
เคยยื่นมือเข้าไปเช็คแฮนด์กับ “ตัวคุณที่อยู่ด้านใน” บ้างไหมครับ?