ปีนี้ผมถือเป็นปีทองของหนังสายลับครับ ต้นปีฟินกับ Kingsman ไปหนึ่งรอบ มากลางปีผมก็โดนใจกับ Spy อีกเรื่อง (ปลายปีมี Spectre อีกครับ)
ปีนี้ผมถือเป็นปีทองของหนังสายลับครับ ต้นปีฟินกับ Kingsman ไปหนึ่งรอบ มากลางปีผมก็โดนใจกับ Spy อีกเรื่อง (ปลายปีมี Spectre อีกครับ)
หนังเรื่องนี้ถือกำเนิดขึ้นโดยแรงผลักดันของ Richard Burton ครับ ประมาณว่าลูกเลี้ยงของเขาอยากเห็น Burton แสดงในหนังแอ็กชันผจญภัยย้อนยุคสักเรื่องหนึ่ง เขาเลยเอาไอเดียไปบอกกับผู้อำนวยการสร้าง Elliott Kastner แล้วจากนั้น Kastner ก็หมายมั่นจะให้ Alistair MacLean นักเขียนนิยายที่เคยมีผลงานดังๆ อย่าง The Guns of Navarone มาช่วยเขียนบทให้
เมื่อก่อนผมมักจะมีอาการเกร็งๆ นิดหน่อยเวลาที่จะเอาหนังระดับคลาสสิกหรือหนังที่เขาว่าดีระดับตำนานมาดู ที่เกร็งก็เพราะกลัวว่าตัวเองดูแล้วจะไม่รู้สึกว่ามันดีแบบที่เขาว่ากัน และยิ่งผมต้องเอามาเขียนแบบนี้ด้วยแล้ว ก็เลยเกร็งหนักขึ้นไปอีก
คงไม่มีอะไรพูดถึงมากสำหรับ Death Note: The Last Name ที่ยังถือว่าดูสนุก แต่อาจไม่ลงตัวเท่าภาคแรก ส่วนหนึ่งเพราะต้องเล่ารายละเอียดทั้งหมดให้จบใน 2 ชั่วโมงกว่าๆ ซึ่งถือว่ายากใช่ย่อย แต่เท่าที่ทำออกมาก็นับว่าน่าพอใจครับ
มีมาให้แนะนำอีกแล้วครับสำหรับคนชอบหนัง Feel Good (แม้เรื่องนี้อาจจะผสมๆ อารมณ์ Feel Suck เข้าไปด้วยก็เถอะ 555)
ถ้าถามว่าระยะหลังๆ มานี้ผมจดจ่อติดตามผลงานของผู้กำกับคนไหน ก็ตอบได้เลยว่าคนที่มาเป็นอันดับต้นๆ คือ Nancy Meyers
ได้ข่าวเหมือนกันครับว่าหนังเล็กๆ เรื่องนี้มีดีไม่น้อย ก็เลยขอลองสักหน่อย
แฟนหนังไทยงงกันไปพักหนึ่ง ที่จู่ๆ บุญชูดันก้าวกระโดด จาก 1, 2 ไป 5 เฉยเลย จนมีคนถามว่า 3, 4 น่ะไปไหน แล้วคนสมัยนั้นก็เอามาอำกันว่า “อ้อ 3 4 ไปรังสิต” วิญญาณพี่หยอยเข้าสิงแท้ๆ แหม ของเขาแรงจริง
ผมเคยจับตาหนังเรื่องนี้มากๆ เมื่อตัวอย่างของหนังได้ไปขึ้นหน้าหนึ่งของ IMDB บ่งบอกชัดว่า The Raid เรื่องนี้ต้องมีดีพอตัว
พ่อลูกคู่หนึ่ง (Viggo Mortensen และ Kodi Smit-McPhee) เดินท่อมๆ ผจญภัยไปในโลกหลังเกิดวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ จนโลกนี้แทบไร้ชีวิต เหลือแต่ความโหดร้ายและยากเข็ญ… ใช่ครับ นั่นคือเรื่องราวทั้งหมดของหนัง