นี่เป็นหนังรีเมคนะครับ ซึ่งผมเคยได้ดูต้นฉบับมาก่อน มันเป็นหนังทีวีน่ะครับ แต่แม้จะเป็นเพียงหนังทีวีและเก่าตั้งเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังทำได้น่ากลัวตื่นเต้น ได้มาตรฐานสำหรับหนังสยองดีทีเดียว
นี่เป็นหนังรีเมคนะครับ ซึ่งผมเคยได้ดูต้นฉบับมาก่อน มันเป็นหนังทีวีน่ะครับ แต่แม้จะเป็นเพียงหนังทีวีและเก่าตั้งเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม แต่มันก็ยังทำได้น่ากลัวตื่นเต้น ได้มาตรฐานสำหรับหนังสยองดีทีเดียว
ผมชอบตำนาน 3 ทหารเสือมากครับ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผมจะควานหานิยายมาอ่าน และตามดูหนังขุดไปถึงปี 1921 โน่น เพราะอะไรน่ะเหรอครับ ก็หนังมีจุดเด็ดเด่นๆ 3 อย่าง ได้แก่เรื่องราวตัวละครที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตั้งแต่ 3 ทหารเสือที่เท่ห์ไปคนละแบบ ดาตาญังที่ห้าวหาญ กษัตริย์ที่พยายามหาทางให้ตนเองมีความเข้มแข็งกล้ายืนหยัดสู้กับคนที่หมายจะยึดครองบัลลังก์ ฯลฯ อีกทั้งเนื้อเรื่องที่มัเรื่องศักดิ์ศรี มิตรภาพเจืออยู่อย่างพอเหมาะ จนไม่แปลกใจครับที่นิยายเรื่องนี้จะเป็นอมตะยืนยาวมาได้ถึงตอนนี้
หนังสยองที่แหวะมากเอาเรื่อง กับการไล่ฆ่าในวันวาเลนไทน์สีเลือด ซึ่งเหตุรอบแรกเกิดเมื่อหลายปีก่อน ทำเอาคนตายไปถึง 22 ชีวิต
เป็นหนังทีวีครับ ออกแนวสอนวัยรุ่นซึ่งอย่างที่ผมเคยบอกครับว่าอเมริกาทำหนังทำนองอุทธาหรณ์สอนใจแบบนี้บ่อยๆ และส่วนมากก็มักจะนำเอาเค้าโครงเรื่องจริงมาสร้างด้วย
เมื่อคนพบเจอปัญหา เราก็มีวิธีจัดการกับมันหลากแบบต่างกันไปครับ บางคนเลือกที่จะหนี บางคนเลือกที่จะเผชิญหน้า บางคนเลือกที่จะค้นหาในกรณีที่ยังหาไม่เจอว่าไอ้ตัวที่ทำให้เราเจ็บช้ำ ต้องระกำใจนั้นคืออะไร
ดูหนังเรื่องนี้แล้วหลายอารมณ์มันมาผสมกัน เหมือนตัวหนังนั่นแหละครับ มีหลายอย่างปนเป ทั้งที่เข้าท่าและยังไม่เข้าที่ แต่ถ้าไม่คิดอะไรมาก ก็จัดเป็นหนังบู๊คู่หูคู่ฮาที่ดูได้แบบเพลินๆ แต่ถ้าเติมอะไรลงไปอีกนิด จัดอะไรให้หนักขึ้น (หรือเบาลง) อีกหน่อย น่าจะเป็นหนังอร่อยที่มีภาคต่อตามออกมาได้ไม่ยาก
นี่ก็เป็นหนึ่งในขบวนหนังฮอลลีวู้ดที่เอานิทานเก่าๆ มาเล่าใหม่ แบบใส่ความมันส์เพิ่มขึ้น เรื่องไหนใส่บู๊ได้ก็ใส่บู๊ (ขนาด Snow White ผู้อ่อนหวานไร้เดียงสาก็ยังโดนจับไปใส่บู๊ได้ครับ 555) หรือเรื่องไหนใส่เลือดเพิ่มโหดได้ก็จัดกันไปอย่างเรื่องนี้เป็นต้น
นึกไม่ถึงเหมือนกันนะครับ ว่าหนังชุด “สะบายดี” จะยาวมาถึง 3 ภาคแล้ว
ภาคแรกประทับใจผมมากครับ ชอบในความรักอันเรียบง่ายและบรรยากาศดีๆ ของประเทศลาว พอมาภาค 2 ใจก็พยายามลดความคาดหวัง เพราะรู้มาว่าเนื้อเรื่องเปลี่ยนโทน แม้จะถ่ายทำที่ลาวและได้นางเอกคนเดิมมารับบท แต่พระเอกของเรื่องไม่ได้มาในแนวนิ่มๆ สุภาพๆ แบบภาคแรก
ถือเป็นภาคแยกที่แตกแขนงออกมาจากชุดวิ่งสู้ฟัดนะครับ หลังจากในวิ่งสู้ฟัด 3 หนังได้แนะนำให้คนดูรู้จักกับหยางเจี้ยนหัว (มิเชลล์ โหย่ว) สาวแกร่งหัวหน้าหน่วยตำรวจสากลของจีน ที่จัดว่าฟัดเก่งฟัดมันส์ไม่แพ้เฉินกูกู๋เลย