ฟังจากพล็อตแล้วทำให้นึกถึง Cube แล้วบวกด้วย Saw ครับ ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งโดนพามาเล่นเกมมรณะ พวกเขาต้องไขปริศนาของแต่ละห้องให้ทันเวลาก่อนกลไกในนั้นจะออกฤทธิ์ (แบบถึงตาย)
ฟังจากพล็อตแล้วทำให้นึกถึง Cube แล้วบวกด้วย Saw ครับ ว่าด้วยคนกลุ่มหนึ่งโดนพามาเล่นเกมมรณะ พวกเขาต้องไขปริศนาของแต่ละห้องให้ทันเวลาก่อนกลไกในนั้นจะออกฤทธิ์ (แบบถึงตาย)
หนึ่งในผลงานยุคแรกๆ ของ Tom Hanks ที่สมัยนั้นเขายังเป็นดาราที่เน้นแสดงหนังแนวตลกอยู่ครับ กับบท ริชาร์ด ครูสอนไวโอลินที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นสายลับ เขาเลยโดนจับตาและตามล่าจนเกิดเรื่องวุ่นๆ ตามมาอีกเพียบ
ตอนแรกผมนึกว่า พยัคฆ์ตะลุยพยัคฆ์ หรือ Flying Swords of Dragon Gate เป็นการรีเมค คัมภีร์แดนพยัคฆ์ (Dragon Inn) แต่ไปๆ มาๆ มันเป็นภาคต่อครับ
ความรู้สึกที่ผมมีต่อ The Meg นั้นแบ่งออกได้เป็น 2 ครึ่งครับ นั่นก็คือครึ่งแรกกับครึ่งหลัง ซึ่งความรู้สึกที่มีต่อแต่ละครึ่งนั้นจัดว่าต่างกันพอสมควร
ไม่ว่าจะก่อนดู ระหว่างดู หรือหลังดูหนังเรื่องนี้เสร็จ ความคิดที่อยู่ในหัวผมตลอดๆ ก็คือ “นี่มัน Die Hard นี่ครับ” 555
ว่ากันแบบไม่อ้อมค้อมครับ การดู Skin Trade ไม่ได้ทำให้ต่อมมันส์หรือต่อมสนุกของผมทำงานสักเท่าไรเลย
ผมเคยเกริ่นไว้ตอนได้ดู CSI: Cyber ตอนแรกๆ ว่าความสนุกมันไม่มากเท่าไร และคาดหวังไว้ว่ามันจะสนุกขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป แต่พอดูจนจบปี 1 แล้ว สิ่งที่รู้สึกเมื่อตอนแรกๆ ก็ยังคงอยู่ครับ
อันว่าหนังแอ็กชันภาคต่อที่เด็ดขาดสนุกเท่าภาคแรกนั้น เอาเข้าจริงๆ ก็มีไม่เยอะเท่าไรครับ ส่วนหนึ่งเพราะภาคแรกถ้าไม่แน่จริงก็คงไม่สามารถก่อให้เกิดภาคต่อได้ ดังนั้นภาคแรกก็ต้องมีดีมากประมาณหนึ่ง ดังนั้นการจะทำภาคต่อนั้น อย่าว่าแต่จะให้ดีกว่า เอาแค่ให้ดีเท่าเทียมก็ถือเป็นงานใหญ่แล้ว
ภาคต่อจาก SPL ภาคแรกที่เจิ้นจื่อตันแสดงไว้ครับ
อีกหนึ่งงานกำกับของฉีเคอะ ผู้กำกับที่ถือเป็นแถวหน้าของฮ่องกงมานานพอๆ กับ John Woo น่ะครับ ซึ่งผลงานของลุงเขาก็มีขึ้นมีลงบ้างตามจังหวะ แต่เรื่องที่ยังอมตะประเภทดูแล้วไม่เบื่อของพี่แกก็ต้องยกให้ เดชคัมภีร์เทวดา (โดยเฉพาะภาค 2) และหวงเฟยหง (โดยเฉพาะภาค 2 อีกเหมือนกัน)