จำได้ว่าปีแรกสุดของซีรี่ส์ชุดนี้ผมไม่ถึงกับปลื้มอะไรมากครับ มาสนุกจริงๆ เอาตอนหลังๆ ในขณะที่ครึ่งปีแรกออกแนวเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรชวนติดตามขนาดนั้น
จำได้ว่าปีแรกสุดของซีรี่ส์ชุดนี้ผมไม่ถึงกับปลื้มอะไรมากครับ มาสนุกจริงๆ เอาตอนหลังๆ ในขณะที่ครึ่งปีแรกออกแนวเรื่อยๆ ไม่ได้มีอะไรชวนติดตามขนาดนั้น
ถ้าถามว่าซีรี่ส์ที่ผมชอบที่สุดเมื่อปี 2015 คือเรื่องอะไร ก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่ามี Forever (ที่อายุสั้นแค่ 1 ปีแล้วก็โดนเลิกสร้าง) กับเรื่องนี้นี่แหละครับ
ผมยังจำความรู้สึกตอนดูตอน Pilot ของซีรี่ส์นี้ได้ครับ ตอนนั้นมันรู้สึกเฉยมาก คือมันไม่ได้เลวร้ายนะครับ แต่มันไม่มีอะไรพิเศษ ดูเรื่อยๆ ธรรมดาๆ คนละเรื่องกับซีรี่ส์อย่าง Arrow, Gotham, The Flash กระทั่ง Constantine ที่มีอายุขัยแค่ 1 ซีซั่น ผมว่ามันยังสนุกกว่าเลย
ซีรี่ส์เรื่องนี้ดูเพลินเลยครับ มันกลมกล่อม อร่อย ดาราเล่นดี บรรยากาศพอเหมาะ เป็นส่วนผสมที่พอดีคำระหว่างหนังสะท้อนความจริงเรื่องชีวิตกับอารมณ์ขันเจ็บๆ คันๆ ที่ชวนให้เราตั้งคำถามถึงเรื่อง “ความสัมพันธ์” ในมิติต่างๆ ของมนุษย์ จนผมนิยามเลยว่าเป็น “ซีรี่ส์ชีวิตผสมตลกที่เปี่ยมวุฒิภาวะ” ครับ
การดูหนังเรื่อง The VVitch นี่ทำให้ตระหนักเลยครับ ถึงความต่างระหว่างหนังดูเอาบันเทิงกับหนังหนักๆ สายคุณภาพ
นี่ผมจรดนิ้วเขียนหลังจากเพิ่งดูตอนสุดท้ายของซีซั่น 6 จบหมาดๆ เลยครับ เรียกว่าอารมณ์กำลังอินทีเดียว ยอมรับเลยครับว่าดูจบแล้วยัง Move On ไม่ได้ ในหัวยังคงคิดถึงซีรี่ส์นี้อยู่ ภาพเหตุการณ์ต่างๆ ตลอด 6 ซีซั่นผลัดกันครอบครองพื้นที่ในสมองท่ามกลางความรู้สึกดีๆ เหมือนถูกโอบกอดด้วยเรื่องราวสนุกๆ ที่ผสมกันอย่างพอเหมาะระหว่างความฮาแบบแสบๆ และความอบอุ่นกินใจ ซึ่งก็แน่นอนล่ะครับว่าลองพูดขนาดนี้แล้ว ย่อมบ่งบอกว่าผมตกหลุมรักซีรี่ส์นี้อย่างแน่นอน
ออกตัวครับว่าไม่เคยอ่านนิยาย แต่ได้ดูหนังมาหลายตอน ได้เจอหูปาอี (จ้าวโหย่วถิง, Mark Chao), เชอร์ลี่ หยาง (Chen Yao) รวมถึงเจ้าอ้วน (Li Feng) หลากเวอร์ชั่น และถึงตอนนี้ก็ยังงงๆ เพราะเรื่องแต่ละเวอร์ชั่นก็มีปมมีประเด็นต่างกันไป
จบลงไปแล้วครับสำหรับซีรี่ส์สืบสวนผสมโรแมนติกกลั้วด้วยเสียงฮาที่ทำต่อเนื่องยาวนานมาถึง 8 ปี ซึ่งถ้าพูดถึงความสนุกแล้วก็ถือว่าทำออกมาได้สนุกมากๆ ล่ะครับ จนไม่อยากให้คอซีรี่ส์แนวนี้พลาดกันเลย จัดว่าต้องดูให้ได้ครับ
Monk Comes Down The Mountain หนังบู๊กังฟูที่คิดจะดูมาตั้งหลายหนแล้วครับ แต่ก็เพิ่งสบโอกาสได้ดูเมื่อไม่นานมานี้เอง และพอดูแล้วก็บอกได้เลยว่าผมค่อนข้างจะออกแนวเฉยสำหรับเรื่องนี้ครับ
หน้าหนังของ The Dresser อาจทำให้บางท่านเข้าใจไปว่ากำลังจะได้ดูหนังว่าด้วยมิตรไมตรีที่คน 2 คนมีให้กันมานาน ซึ่งก็ต้องบอกไว้ก่อนครับว่ามันไม่เชิงเป็นอะไรแบบนั้นหรอก