ออกตัวก่อนล่วงหน้าครับ ว่าสิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้ถือได้ว่าขาดความเป็นกลางอย่างยิ่ง เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้เข้าให้แล้วน่ะครับ
ออกตัวก่อนล่วงหน้าครับ ว่าสิ่งที่ผมเขียนต่อไปนี้ถือได้ว่าขาดความเป็นกลางอย่างยิ่ง เพราะผมชอบหนังเรื่องนี้เข้าให้แล้วน่ะครับ
ไม่รู้ว่าจะได้ดูภาคต่อของฉบับนี้เมื่อไรน่ะนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะอย่างน้อยภาคแรกนี่ก็ถือว่าทำออกมาได้เข้มข้น นำเสนอเรื่องราวได้ดี และคู่ควรแก่การดูซ้ำอยู่เหมือนกัน
ระหว่างดูหนังเรื่องนี้ผมจะนึกถึง Phone Booth เป็นระยะๆ ครับ อาจเพราะทั้งเรื่องนั้นและเรื่องนี้กำกับโดย Joel Schumacher ลีลาบางประการเลยมีความคล้ายคลึงกัน และโทนเรื่องก็ว่าด้วยคนที่ต้องกลายเป็นตัวประกันในพื้นที่จำกัดเหมือนกันด้วย
วิลล์ (Nicolas Cage) และลอร่า (January Jones) คือคู่รักที่หวานแหววจนใครๆ ต้องอิจฉา แต่แล้ววันหนึ่งลอร่าถูกคนร้ายทำร้ายปางตาย นั่นทำให้วิลล์รู้สึกเจ็บแค้นอย่างมากที่ตนไม่สามารถปกป้องเธอได้
ตอนแรกผมนึกว่าเรื่องของเด็กนรกแห่งทุ่งข้าวโพดจะจบไปแล้วในภาคที่ 7 (Revelation) เพราะมีเห็นมีการรีเมคภาคแรกใหม่ไปแล้ว แต่ไปๆ มาๆ มันยังไม่ยอมจบครับ (ส่วนเราก็ตามดูไม่ยอมเลิกเหมือนกัน 555)
หลักการดูซีรี่ส์ซิทคอมของผม ก็เหมือนการเลือกคบเพื่อนครับ นั่นคือลองคบดูสักระยะ หากคบแล้วจูนไม่ค่อยจะติด ก็ไม่เป็นไร ถือว่ารู้จักกันเอาไว้ เพียงแต่เราอาจไม่สนิทนัก
หนังจับเอาเรื่องราวของ เซี่ยงอวี่ (หรือ ฌ้อปาอ๋อง) กับ เล่าปัง (หรือ ฮั่นเกาจู่ในเวลาต่อมา) มาบอกเล่าโดยมีการดัดแปลงตีความใหม่ในบางจุด ซึ่งก็มาในแนวทางเดียวกับ สามก๊ก ขุนศึกเลือดมังกร (Three Kingdoms: Resurrection Of The Dragon) ผลงานก่อนหน้าของ Daniel Lee นั่นเอง
ตอนแรกผมนึกว่า พยัคฆ์ตะลุยพยัคฆ์ หรือ Flying Swords of Dragon Gate เป็นการรีเมค คัมภีร์แดนพยัคฆ์ (Dragon Inn) แต่ไปๆ มาๆ มันเป็นภาคต่อครับ
นี่คือหนังต้นฉบับของเรื่องราวการลักพาตัวเฟรดดี้ ไฮเนเก้นเมื่อปี 1983 ครับ ตัวหนังเป็นสัญชาติเนเธอร์แลนด์โดยตรงเลยครับ
“ชีวิตย่อมมีหนทางของมัน” Jurassic Park ว่าไว้