แจ็ค คัตเตอร์ (Don Wilson) คือมือล่าแวมไพร์ที่หมายจะกวาดล้างสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ให้หมดไป แต่ก็แน่นอนครับว่ามันย่อมไม่ง่ายเพราะพวกแวมไพร์ก็ร้ายกาจใช่ย่อยเหมือนกัน
แจ็ค คัตเตอร์ (Don Wilson) คือมือล่าแวมไพร์ที่หมายจะกวาดล้างสิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ให้หมดไป แต่ก็แน่นอนครับว่ามันย่อมไม่ง่ายเพราะพวกแวมไพร์ก็ร้ายกาจใช่ย่อยเหมือนกัน
เอาจริงๆ ผมอาจไม่ถึงขั้นเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ Frasier นะครับ คือดูครบหมดทั้ง 11 ปีนั่นแหละ เพียงแต่ระดับความชอบความปลื่มอาจไม่มาก คือดูได้ เพลินๆ สนุกดี แต่ไม่ถึงขั้นประทับใจ
นิโคล (Reese Witherspoon) สาวน้อยที่พบรักกับเดวิด (Mark Wahlberg) หนุ่มหล่อล่ำเสน่ห์ร้ายเหลือ แล้วความรักของพวกเขาก็เจริญงอกงามดีล่ะครับ แต่ทว่าสตีฟ (William Petersen) พ่อของนิโคลนั้นไม่ค่อยเห็นด้วยการกับคบหาครั้งนี้สักเท่าไหร่ ในขณะที่ลอร่า (Amy Brenneman) แม่ใหม่ของเธอก็ไม่ได้ว่าอะไร
ผมดูหนังเรื่องนี้ครั้งแรกเมื่อ 24 ปีก่อนครับ ครั้นพอดูจบหัวผมก็คิดขึ้นมาเลยว่า “หนังอะไรกันเนี่ย?” ซึ่งไม่ใช่ในแง่ลบนะครับ แต่เป็นความคิดในแง่บวก เพราะก่อนหน้านั้นผมไม่เคยดูหนังทำนองนี้มาก่อน แล้วมันก็เลยรู้สึกประทับใจเล็กๆ ว่ามีหนังแบบนี้ให้ดูด้วยหรือเนี่ย
เมื่อโลกอยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยสารพัดภัยธรรมชาติ (ที่ก็เกิดจากน้ำมือมนุษย์นั่นเอง) ดร.โนอาห์ ฟอล์คเนอร์ (William Atherton) จึงได้สร้างสถานที่ที่ชื่อ ไบโอ-โดมขึ้นมาเพื่อให้เหล่านักวิทยาศาสตร์ชั้นหัวกะทิมารวมตัวกัน โดยพวกเขาจะกักตนอยู่ในนั้น 1 ปีเพื่อหาทางออกให้มนุษยชาติ
ผมเพิ่งรู้ครับว่าหนังเรื่องนี้มันมี 2 เวอร์ชั่น
ในนาทีที่ผมดู The Nanny จบนี่ผมก็นั่งนิ่งๆ อยู่พักหนึ่งครับ พลางคิดในใจว่า “นี่เราดู The Nanny จบแล้วหรือนี่?”
นี่ก็เป็นหนังจีนชุดอายุรุ่นราวคราวเดียวกับ เดชคัมภีร์เทวดา ปี 96 น่ะครับ เรื่องราวก็เป็นแนวคุ้นเคย ว่าด้วยความรักความแค้นในยุทธภพ
ด้วยความที่ภาคแรกประสบความสำเร็จ ภาคต่อเลยถูกสร้างตามออกมาอย่างรวดเร็วครับ และหนนี้ก็มีการเพิ่มจำนวนตอนจากที่ภาคแรกมีแค่ 20 ตอน มาภาคนี้เพิ่มอีกเท่าตัวเป็น 40 ตอนจบครับ
หนังอำนวยการสร้างโดย Roger Corman เจ้าพ่อหนังเกรดบีระดับตำนานครับ และหนังเรื่องนี้ก็มีความเป็นเกรดบีทุนต่ำแบบเต็มตัวทีเดียว